เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประกาศนิติราษฎร์ ฉบับที่ ๓๕

โดย วรเจตน์ ภาคีรัตน์

วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งและที่มาของคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ

หลังจากที่คณะนิติราษฎร์ได้แถลงข้อเสนอให้ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยศาลรัฐธรรมนูญในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและให้จัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญขึ้นทำหน้าที่แทนนั้น ได้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์บางประเด็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของการจัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญและที่มาของคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ โดยที่ข้อวิจารณ์จำนวนหนึ่งได้พาดพิงถึงความเห็นในอดีตของผู้เขียนเกี่ยวกับการสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ จึงสมควรที่จะอธิบายเพื่อความเข้าใจให้ถูกต้อง ดังนี้

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ศาลสูงสหรัฐอเมริกา

โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

ตำราเรียนทางรัฐศาสตร์ เมื่อพูดถึงการปกครองของสหรัฐในประเด็นที่ว่า ความเท่าเทียมกันของสถาบันผู้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน อันได้แก่ ประธานาธิบดี รัฐสภาและศาลสูง สำหรับประธานาธิบดีและรัฐสภา อันประกอบด้วยวุฒิสภาทำหน้าที่แทนมลรัฐ จึงมีสมาชิก 2 คนเท่า ๆ กัน ไม่ว่ามลรัฐเล็กหรือใหญ่ กับสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนเป็นสัดส่วนกับประชากร สำหรับสองสถาบันนี้ไม่มีใครสูงกว่าใคร ประธานาธิบดีและรัฐสภาก็มาจากการลงมติของประชาชน

แต่ศาลสูงซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินว่าการกระทำใดชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ จนตำรารัฐศาสตร์รุ่นเก่า ๆ ยกย่องให้ความเป็นสูงสุดในการปกครองระบอบประธานาธิบดี คือศาลสูง หรือ "The 

suprermacy of the US supreme court" ตรงกันข้ามกับระบบรัฐสภาคือความเป็นสูงสุดอยู่ที่รัฐสภาหรือ "The Supremacy of Parliament" เพราะศาลสูงเคยตัดสินให้การกระทำของประธานาธิบดี หรือกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภาหรือศาลมลรัฐ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือ unconstitutional

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ต้องยอมรับคำวินิจฉัยที่ไม่เป็นธรรมด้วยหรือ

จาตุรนต์ ฉายแสง
10 กรกฎาคม 2555
   แต่ถ้าปล่อยให้มีการแสดงความเห็นในทางยอมรับหรือเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยแต่เพียงทางเดียว จะเกิดความยุติธรรมจริงหรือ  
   บางทีเราก็ลืมกันไปว่าคำว่ายุติธรรมนั้นคือ ยุติด้วยการตัดสินที่เป็นธรรม หากตัดสินด้วยความไม่เป็นธรรมแล้วความขัดแย้งนอกจากจะไม่ยุติ ยังอาจจะยิ่งสับสนวุ่นวายยิ่งขึ้นอีกด้วย”
มีเสียงเรียกร้องจากฝ่ายที่ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่มีผู้ร้องตามมาตรา 68 ในวันศุกร์ที่ 13กรกฎาคมนี้แล้วทุกฝ่ายควรจะยอมรับคำวินิจฉัยนั้น บางคนก็ไปไกลถึงขั้นที่เสนอว่า ไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ มิฉะนั้นสังคมก็จะวุ่นวาย
   ผมขอตั้งคำถามว่าจำเป็นด้วยหรือที่ทุกฝ่ายทุกคนจะต้องยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และจริงหรือที่ว่าหากไม่ยอมรับแล้วสังคมจะวุ่นวาย
คำว่า ควรยอมรับหรือ ต้องยอมรับ ถ้ามาจากคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียก็มักมาจากฝ่ายที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยจะตรงกับความเห็นของตนหรือเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน    ต้องการให้เรื่องที่ขัดแย้งกันอยู่นั้นยุติลงตามคำวินิจฉัย
   ผู้ที่กำลังเรียกร้องอย่างแข็งขันให้ทุกฝ่ายยอมรับคำวินิจฉัยครั้งนี้ ก็ดูจะได้แก่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณชวน หลีกภัย
   แต่ถ้าปล่อยให้มีการแสดงความเห็นในทางยอมรับหรือเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยแต่เพียงทางเดียว จะเกิดความยุติธรรมจริงหรือ