เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กษัตริย์นิยม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กษัตริย์นิยม แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ รัฐธรรมนูญ (๒)

เสวนา ๑๐๐ ปีชาตกาล 'หยุด แสงอุทัย' : สถาบันพระมหากษัตริย์กับรัฐธรรมนูญ (๒)

จันทจิรา เอี่ยมมยุรา
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ผู้ดำเนินรายการ)

ผู้ดำเนินรายการ : กล่าวนำ
     วันที่ 27 มิถูนายน นอกจากเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ยังเป็นวาระครบ 100 ปี ชาตกาลของศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย ซึ่งเป็นบรมครูของวงการนิติศาสตร์ไทย. 'หยุดฯ' เคยถูกกล่าวหาว่าได้กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระมหากษัตริย์ โดยเวลานั้นเป็นกฎหมายลักษณะอาญา จำคุกไม่เกิน 7 ปีและปรับไม่เกิน 5000 บาท สาเหตุเพราะเขียนบทความเผยแพร่ในวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ บทความชื่อ อำนาจและความรับผิดชอบในระบอบประชาธิปไตย เผยแพร่เมื่อวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2499 ข้อความตอนหนึ่งในบทความว่า

"ในเวลานี้ในประเทศไทยยังมีรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคน เอาพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้สิทธิสามประการ คือสิทธิที่จะได้รับการปรึกษาหารือ สิทธิที่จะทรงสนับสนุน และสิทธิที่จะทรงตักเตือนไปใช้ในทางที่ผิด กล่าวคือ มักจะนำพระราชดำรัสในการที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้สิทธิสามประการดังกล่าวนั้น ไปเผยแพร่แก่สื่อมวลชนบ้าง แก่บุคคลอื่นบ้าง การที่ทำเช่นนั้นอาจเป็นโดยเจตนาดี เพราะเห็นว่าจะเป็นที่เชิดชูพระเกียรติบ้าง หรือเห็นว่าแสดงว่าได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยบ้าง หรือเป็นเกียรติที่ได้เข้าเฝ้าและสนองพระราชประสงค์บ้าง ซึ่งไม่ถูกต้องทั้งนั้น คำแนะนำหรือตักเตือนของพระมหากษัตริย์ย่อมต้องเป็นความลับ เพราะมิฉะนั้นผู้ที่ไม่เห็นชอบด้วยจะนำไปวิพากษ์วิจารณ์ และทำให้องค์พระมหากษัตริย์ไม่เป็นที่เคารพสักการะ ถ้าคณะรัฐมนตรีจะรับคำแนะนำตักเตือนไปปฏิบัติ ต้องปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบของตนเอง จะอ้างพระมหากษัตริย์มิได้ เพราะเป็นการนำพระมหากษัตริย์ไปทรงพัวพันกับการเมือง"

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ รัฐธรรมนูญ (๑)

เสวนา 100 ปีชาตกาล ‘หยุด แสงอุทัย’ : สถาบันพระมหากษัตริย์กับรัฐธรรมนูญ

ดร.ณัฐพล ใจจริง
อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา

แนวคิดนักกฎหมายสำนักจารีตประเพณี VS สำนักรัฐธรรมนูญนิยม
     นอกจากวันนี้จะเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองแล้ว ยังเป็นวันที่สองที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น การพูดในวันนี้คือเพื่อเป็นเกียรติแก่การเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วย

     หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง อยู่ในมาตราที่ 1 ในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม (ชั่วคราว) 2475 คงทราบกันดีว่าจริงๆ แล้วฉบับนี้ อาจารย์ปรีดี มุ่งหวังใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงเติมคำว่า “ชั่วคราว” ลงไป เหตุผลก็คือ ข้อความว่า “อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย” ถ้ากล่าวอย่างสั้นๆ ประเด็นสำคัญคือ รัฐธรรมนูญฉบับ 26 มิ.ย. 2475 คือการทำให้โครงสร้างสังคมก่อนปี พ.ศ. 2475 ที่พระมหากษัตริย์อยู่บนสุดของสามเหลี่ยมปิรามิด ประชาชนอยู่ข้างล่าง พอปี 2475 เปลี่ยนเอาฐานของปิรามิดให้พลเมืองขึ้นมาอยู่ข้างบน ดังนั้น พอมีรัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธ.ค. 2475 พระปกเกล้าฯ กลับขึ้นมาอีก จึงมีในส่วนที่ระบุว่า อำนาจของประชาชนนั้นมีพระมหากษัตริย์ใช้แทนผ่านสามสถาบันทางการเมือง โดยข้อความนี้ยังดำรงอยู่มาตลอด

     หลังปี 2475 ในตำราหลายเล่มที่ศึกษารัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่สนใจแต่บทบัญญัติว่า มาตรานี้ว่าไว้อย่างไร แต่ไม่ค่อยมีใครศึกษาเรื่องความคงเส้นคงวา ความเปลี่ยนแปลง และการเพิ่มขึ้นมาของกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงคิดว่าควรจะมีการศึกษาภาพรวมที่มีความต่อเนื่องยาวนาน โดยได้ลงไปศึกษาหมวดพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่หลังปี พ.ศ.2475-2500 ว่านักกฎหมายให้คำอธิบายกฎหมายรัฐธรรมนูญเหล่านั้นอย่างไร โดยในที่นี้ให้ความสนใจเรื่องการสร้างคำอธิบาย เพราะความเหล่านั้นแม้ถูกจารึกในรัฐธรรมนูญ แต่จะไม่มีชีวิต ไม่ถูกประยุกต์หรือมีอิทธิพลต่อความคิดทางสังคม ถ้าไม่มีคนให้ความหมายมัน

     หลังปี 2475 นักกฎหมายที่สนับสนุนทั้งระบอบเก่าและใหม่ก็พยายามใช้ความรู้ทางกฎหมายของตนเองอธิบายตำราออกมา โดยขอแบ่งแนวคิดนักกฎหมายหลังปี 2475 จากคำอธิบายรัฐธรรมนูญเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม traditionalism (สำนักจารีตประเพณี) กับกลุ่ม constitutionalism (สำนักรัฐธรรมนูญนิยม)