เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

"ชะนี......ผู้ปลูกป่า....."

สัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมที่คุ้นหน้าคุ้นตามนุษย์มากชนิดหนึ่งนั้นก็คือ "ชะนี" เพราะชะนี
ถูกจับออกมาจากป่า  และพยายามทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงมานานแล้ว


ชะนี นั้นเป็นสัตว์สังคม คืออาศัยอยู่เป็นครอบรัว มีพ่อ แม่ และลูก แต่ละครอบครัวจะมี
อณาเขตเป็นของตนเอง จะเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้มีการบุกรุกจากครอบครัวอื่นโดยเด็ดขาด

ถ้ามีการบุกรุกอาณาเขต พ่อชะนีจะทำหน้าที่ป้องกัน โดยส่งเสียงร้องขู่ ลูกเมียก็คอยส่ง
กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันหรอก เพียงส่งเสียงร้องโต้ตอบกัน
สักพักพอต่างฝ่ายต่างเหนื่อย ก็เลิกลากันไป

อาณาเขตของ "ชะนี" ครอบครัวหนึ่ง ๆ จะกว้างขวางแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ 60 - 200
ไร่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของป่าด้วย

ในบ้านเรามีชะนีอยู่ 3 ชนิด คือ ชะนีมงกุฎ ชะนีมือดำ และชะนีมือขาว ตัวที่คุ้นหน้า
มนุษย์นั้น คือชะนีธรรมดานี่เอง

อาหารของชะนี คือ ผลไม้ป่า ยอดไม้ ใบไม้อ่อน ดอกไม้และแมลง ดังนั้นอาชีพที่แท้
จริงของชะนีก็คือ "การปลูกป่า" เพราะชะนีกินผลไม้หลากหลายชนิด และจะถ่ายมูลในเนื้อที่กระจาย
ออกไปทั่วอาณาเขตของตน

มูลชะนี คือ ปุ๋ยธรรมชาติชั้นดี คิดกันง่าย ๆ ก็คือถ้าป่าไหนมีชะนีมาก การปลูกป่าก็ย่อม
ได้ผลดีตามธรรมชาติ และป่าที่มีชะนีอาศัยอยู่ย่อมเป็นป่าที่มีความสมบูรณ์ นอกจากปลูกป่าแล้วชะนียัง
ช่วยจัดแต่งยอดไม้ ใบไม้ แถมยังช่วยกำจัดแมลงให้ต้นไม้อีกด้วย

เวลาทำงานนั้นจะทำกันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ และลูกเล็ก ๆ ที่เกาะติดกับหน้าอกแม่
ลูกชะนีที่มีอายุมากกว่า 8 ปี ถึงจะแยกตัวออกไปหาคู่เพื่อตั้งครอบครัวขยายอาณาเขตใหม่ ส่วนตอน
เล็ก ๆ นั้นจะกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดไปจนอายุประมาณ 2 ปีโน่น จึงจะหย่านม

ส่วนการเกาะติดอยู่กับอกแม่นั้น หลังจากคลอดใหม่ไปถึงประมาณ 2 เดือน ลูกชะนีจะ
เกาะติดอกแม่ตลอด และจะกินนมอย่างเดียวไม่ทำอะไรเลย

แต่หลังจาก 2 เดือน จะเริ่มมีอาการอย่างอื่นบ้าง เช่น ห้อยโหน ร้องเรียก ทำความสะ
อาดร่างกายความจริงลูกชะนีก็ถือความสะดวกเป็นใหญ่ในการเกาะติดอยู่กับอกแม่ เพราะจะได้ไปไหน
มาไหนและกินนมได้โดยสะดวก เลิกกินนมแล้วนั่นแหละจึงเลิกเกาะติดอกแม่

แต่แม่ชะนีก็ต้องฝึกให้ลูกไปไหน ๆ ด้วยตนเองบ้าง  เพื่อช่วยให้รู้จักวิธีและให้กล้ามเนื้อ
ของลูกแข็งแรง ชะนีจะเคลื่อนที่ไปโดยการห้อยโหนไปตามยอดไม้ บางครั้งถ้ายอดไม้อยู่ห่างกันเกินไป
แม่ชะนีจะยึดกิ่งไม้ทำตัวเองเป็นสะพานให้ลูกข้ามไปได้

ลูกชะนีก็เช่นเดียวกับลูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ คือ ชอบเล่นสนุก พูดตรง ๆ
ก็คือซนนั่นแหละ บางทีก็เล่นตามลำพัง หกคะเมน ตีลังกา ห้อยโหน กระโดดจากกิ่งไม้กิ่งโน้นมากิ่งนี้
บางทีไล่จับนก หรือสัตว์เล็ก ๆ พอเล่นตัวเดียวเบื่อแล้วก็จะมาแล่นกํบพี่ ๆ หรือพ่อ แม่

โดยปกติชะนีรักความสะอาด เพราะเวลาที่พวกเขาโหนไปตามกิ่งไม้นั้น จะถูกมด เห็บ
หรือแมลง่ต่าง ๆ เกาะติดตามลำตัว ชะนีจึงมักจะใช้เวลาทำความสะอาดร่างกายอยู่บ่อย ๆ บางทีก็ทำ
เองแต่ส่วนใหญ่แล้วจะหลัดกันทำความสะอาดให้กันและกัน

ส่วนลูกชะนีก็นอนให้ พ่อ แม่ ทำให้สบาย ๆ การทำความสะอาดร่างกายให้กันและกันนี่
แหละทำให้ครอบครัวของชะนีมีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นเพิ่มขึ้น เปฌนครอบครัวที่มีความรัก ความห่วงใยกันอย่างลึกซึ้ง

และความสัมพันธ์ทั้งหลายนั้นจะขาดสะบั้นลงด้วย "ลูกปืน" ราคาถูก ๆ เพียงนัดเดียว
เพราะความนิยมเลี้ยงชะนีของคน การที่จะได้ลูกชะนีออกมาจากป่านั้นมีวิธีเดียว คือ ต้องยิงแม่ชะนีเพื่อ
จะจับลูกที่ติดอยู่กับอกแม่ได้ ไม่ต้องนึกว่าลูกชะนีจะตกในประสาทเสีย และชะตากรรมจะเป็นเช่นไร

ความสัมพันธ์ของครอบครัวสัตว์ป่านั้นมีมากเกินกว่าที่เราจะนึกถึง

การนำเขามาเลี้ยงแม้ว่าเราจะทุ่มเทความรักให้พวกเขามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะ
ชดเชยความรัก ความสัมพันธ์ของเขาที่สูญเสียไปแล้วได้

หน้าที่ของชะนี คือ การปลูกป่านั้นสำคัญ และมีประโยชน์มากต่อธรรมชาติในอนาคต
เราอาจมีป่าที่อุดมสมบูรณ์นะครับ

"ถ้ายังมีชะนีรอดชีวิต หลงเหลืออยู่ในป่าบ้าง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา