ลองสังเกตุตัวเองดูซิว่า.......ทุกเช้าเวลาที่เดินไปไหนต่อไหนมีใครพูดทักทายเราบ้างหรือยัง "ช่วงนี้ผอมลงนะ"
"เช้านี้ทานข้าวกับอะไร" "ช่วงนี้ผอมลงหรือเปล่า"
หรือช่วงบ่ายมีคนเดินมาทัก "เที่ยงนี้จะไปทานข้าวที่ไหน " "กาแฟสักแก้วเป็นไง"
ช่วงหัวค่ำ "จะกลับบ้านแล้วเหรอ กลับด้วยกันไหม"
ลองนับดูสิว่า ในแต่ละวันมีคนเข้ามาทักทายเรากี่คน / กี่ครั้ง
เป็นคำทักทายถามสารทุกข์สุกดิบตามแบบฉบับชาวฝรั่ง
สวัสดีครับ /ค่ะ วันนี้สบายดีไหม ? นี่เป็นคำทักทายตามแบบฉบับวัฒนธรรมไทย
พูดกันมาแต่อ้อนแต่ออก ประโยคนี้ใครพูดไม่เป็นก็คงจะแปลกพิลึก
ความคิดเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์และถูกส่งมาจากจิตใจที่ปรารถนาดีความคิดที่
ดีและปรารถนาดีต่อผู้อื่นล้วนส่งกลับคืนมายังผู้กระทำให้ได้รับผลดีตามด้วย
ยังจำนิทานอีสปเรื่องนี้กันได้ไหม"เรื่องคนตัดไม้กับบ่อน้ำวิเศษ"หรือ"คนตัดไม้กับขวานทองคำ" (แล้วแต่คนจะตั้ง)
เรื่องมันมีอยู่ว่าชายตัดไม้ผู้ยากจนผู้หนึ่ง กำลังใช้ความพยายามและพลังทั้งหมดที่เขามีอยู่ตัดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เขาเพียรพยายามโค่นมันตั้งแต่เช้าแล้ว ด้วยความโมโหบวกกับอากาศ
ที่ร้อน เขาจึงเงื้อมือยกขวานเล่มนั้นขึ้นจนสุดแรง เพื่อจามลงไปบนต้นได้ต้นนั้นอีกครั้ง
แต่เล้วโชคก็ไม่เข้าข้างเอาเสียเลยขวานนั้นเกิดกระเด็นหล่นจากมือ พลัดตกไปในแม่น้ำใหญ่
ชายคนตัดไม้ไม่สามารถลงไปงมขวานเพียงเล่มเดียวที่เขามีอยู่ขึ้นมาได้ด้วยความ
จนปัญญาเขาได้แต่นั่งคร่ำครวญอยู่ ๆ ก็เกิดสิ่งประหลาดขึ้นที่บนผิวน้ำ เทพเจ้าองค์หนึ่งได้มายืนอยู่
ตรงหน้าพร้อมกับถือขวานสีทองเป็นประกายแล้วมอบขวานเล่มนั้นให้แต่ชายคนตัดไม้ไม่รับ บอกว่า
ไม่ใช่ของตนเทพเจ้าจึงกายลงไปใต้พื้นน้ำแล้วโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมด้วยขวานเงิน
แต่เขาก็ปฎเสธไม่รับอีก
เทพเจ้าจึงดำลงสู่พื้นน้ำอีกครั้ง แล้วกลับขึ้นมาพร้อมด้วยขวานที่บิ่นจนทื่อ และเก่า
อันนั้นชายคนตัดไม้ดีใจรีบพูดขึ้นทันทีว่านี่คือขวานของตน พร้อมกล่าวขอบคุณเทพเจ้าไม่ยอมหยุด
เทพเจ้าเห็นว่าชายคนตัดไม้เป็นคนใจซื่อ ไม่โกหกพกลม จึงมอบทั้งขวานเงินและขวานทองให้
เป็นรางวัล เมื่อเขากลับมาถึงหมู่บ้านก็ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อน ๆ ฟัง
และในจำนวนเพื่อนคนตัดไม้นั้น มีคนตัดไม้ผู้โลภมากร่วมฟังอยู่ด้วย เขาจึงคิดอยากจะได้เป็นเจ้าของ ขวานเงินและ
ขวานทองบ้าง เขาจึงรีบไปที่แม่น้ำสายนั้นทันที พอมาถึงก็โยนขวานทิ้งลงไปในแม่น้ำ ทันใดนั้นเทพ
เจ้าก็ได้มาปรากฎกาย ในมือถือขวานทองไว้เล่มหนึ่ง
ด้วยความโลภเขาจึงรีบตะโกนบอกว่าขวานทองนั้นเป็นของเขา และยังมีขวานเงินที่ตกไปในน้ำอีกเล่มหนึ่ง
เทพเจ้าได้ฟังดังนั้น ก็ทรงพิโรธอย่างมาก "เจ้ามันโลภมาก โกหกพกลม ข้าไม่มีขวานเล่มไหนที่จะมอบให้กับเจ้าหรอก" เมื่อกล่าวจบแล้วเทพเจ้าก็หายไป คนตัดไม้ผู้โลภมากจึงไม่ได้ขวาน หรืออะไรเลยสักอย่าง
แถมยังต้องเสียแม้แต่ขวานของตนไปอีกด้วย
นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า โลภมากมักลาภหาย ความคิดที่เป็นกุศล ไม่โกหกพกลม
ผลที่ได้รับย่อมดีเฉกเช่นการกระทำ
คิดดี ปรารถนาดี ย่อมส่งผลให้บุคคลผู้นั้นได้รับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต กลับกันหาก
คิดชั่ว จ้องแต่จะทำร้ายผู้อื่น ผลรับที่ได้
"แม้แต่คำทายทักจากคนรอบข้างก็อย่าหมายจะได้ยิน"
"เช้านี้ทานข้าวกับอะไร" "ช่วงนี้ผอมลงหรือเปล่า"
หรือช่วงบ่ายมีคนเดินมาทัก "เที่ยงนี้จะไปทานข้าวที่ไหน " "กาแฟสักแก้วเป็นไง"
ช่วงหัวค่ำ "จะกลับบ้านแล้วเหรอ กลับด้วยกันไหม"
ลองนับดูสิว่า ในแต่ละวันมีคนเข้ามาทักทายเรากี่คน / กี่ครั้ง
เป็นคำทักทายถามสารทุกข์สุกดิบตามแบบฉบับชาวฝรั่ง
สวัสดีครับ /ค่ะ วันนี้สบายดีไหม ? นี่เป็นคำทักทายตามแบบฉบับวัฒนธรรมไทย
พูดกันมาแต่อ้อนแต่ออก ประโยคนี้ใครพูดไม่เป็นก็คงจะแปลกพิลึก
ความคิดเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์และถูกส่งมาจากจิตใจที่ปรารถนาดีความคิดที่
ดีและปรารถนาดีต่อผู้อื่นล้วนส่งกลับคืนมายังผู้กระทำให้ได้รับผลดีตามด้วย
ยังจำนิทานอีสปเรื่องนี้กันได้ไหม"เรื่องคนตัดไม้กับบ่อน้ำวิเศษ"หรือ"คนตัดไม้กับขวานทองคำ" (แล้วแต่คนจะตั้ง)
เรื่องมันมีอยู่ว่าชายตัดไม้ผู้ยากจนผู้หนึ่ง กำลังใช้ความพยายามและพลังทั้งหมดที่เขามีอยู่ตัดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เขาเพียรพยายามโค่นมันตั้งแต่เช้าแล้ว ด้วยความโมโหบวกกับอากาศ
ที่ร้อน เขาจึงเงื้อมือยกขวานเล่มนั้นขึ้นจนสุดแรง เพื่อจามลงไปบนต้นได้ต้นนั้นอีกครั้ง
แต่เล้วโชคก็ไม่เข้าข้างเอาเสียเลยขวานนั้นเกิดกระเด็นหล่นจากมือ พลัดตกไปในแม่น้ำใหญ่
ชายคนตัดไม้ไม่สามารถลงไปงมขวานเพียงเล่มเดียวที่เขามีอยู่ขึ้นมาได้ด้วยความ
จนปัญญาเขาได้แต่นั่งคร่ำครวญอยู่ ๆ ก็เกิดสิ่งประหลาดขึ้นที่บนผิวน้ำ เทพเจ้าองค์หนึ่งได้มายืนอยู่
ตรงหน้าพร้อมกับถือขวานสีทองเป็นประกายแล้วมอบขวานเล่มนั้นให้แต่ชายคนตัดไม้ไม่รับ บอกว่า
ไม่ใช่ของตนเทพเจ้าจึงกายลงไปใต้พื้นน้ำแล้วโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมด้วยขวานเงิน
แต่เขาก็ปฎเสธไม่รับอีก
เทพเจ้าจึงดำลงสู่พื้นน้ำอีกครั้ง แล้วกลับขึ้นมาพร้อมด้วยขวานที่บิ่นจนทื่อ และเก่า
อันนั้นชายคนตัดไม้ดีใจรีบพูดขึ้นทันทีว่านี่คือขวานของตน พร้อมกล่าวขอบคุณเทพเจ้าไม่ยอมหยุด
เทพเจ้าเห็นว่าชายคนตัดไม้เป็นคนใจซื่อ ไม่โกหกพกลม จึงมอบทั้งขวานเงินและขวานทองให้
เป็นรางวัล เมื่อเขากลับมาถึงหมู่บ้านก็ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อน ๆ ฟัง
และในจำนวนเพื่อนคนตัดไม้นั้น มีคนตัดไม้ผู้โลภมากร่วมฟังอยู่ด้วย เขาจึงคิดอยากจะได้เป็นเจ้าของ ขวานเงินและ
ขวานทองบ้าง เขาจึงรีบไปที่แม่น้ำสายนั้นทันที พอมาถึงก็โยนขวานทิ้งลงไปในแม่น้ำ ทันใดนั้นเทพ
เจ้าก็ได้มาปรากฎกาย ในมือถือขวานทองไว้เล่มหนึ่ง
ด้วยความโลภเขาจึงรีบตะโกนบอกว่าขวานทองนั้นเป็นของเขา และยังมีขวานเงินที่ตกไปในน้ำอีกเล่มหนึ่ง
เทพเจ้าได้ฟังดังนั้น ก็ทรงพิโรธอย่างมาก "เจ้ามันโลภมาก โกหกพกลม ข้าไม่มีขวานเล่มไหนที่จะมอบให้กับเจ้าหรอก" เมื่อกล่าวจบแล้วเทพเจ้าก็หายไป คนตัดไม้ผู้โลภมากจึงไม่ได้ขวาน หรืออะไรเลยสักอย่าง
แถมยังต้องเสียแม้แต่ขวานของตนไปอีกด้วย
นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า โลภมากมักลาภหาย ความคิดที่เป็นกุศล ไม่โกหกพกลม
ผลที่ได้รับย่อมดีเฉกเช่นการกระทำ
คิดดี ปรารถนาดี ย่อมส่งผลให้บุคคลผู้นั้นได้รับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต กลับกันหาก
คิดชั่ว จ้องแต่จะทำร้ายผู้อื่น ผลรับที่ได้
"แม้แต่คำทายทักจากคนรอบข้างก็อย่าหมายจะได้ยิน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา