เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ข้อคิดเห็นบางประการต่อการเลือกตั้ง

โดย จาตุรนต์ ฉายแสง

เห็นประเด็นหารือ ระหว่างนายกฯกับกกต.จากหน้าหนังสือพิมพ์แล้วทำให้รู้สึกวังเวงทีเดียว แสดงให้เห็นปัญหาความไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างของกกต.

ขณะเดียวกันนายกฯ ก็อาศัยโอกาสหาเสียงด้วยการแสดงความตั้งใจร่วมมือแต่ปัญหาต่อไปก็คือฝ่าย อื่นๆจะต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวดกว่านายกฯและครม.แน่นายกฯและรมต.ยังต้อง ปฏิบัติห้าที่ต่อไปโดยมีข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญไว้อยู่แล้วว่าระหว่างปฏิบัติ หน้าที่ทำอะไรไม่ได้บ้าง ดังนั้นกกต.จึงไม่ควรไปออกระเบียบหรือกำหนดหลักเกณฑ์อะไรไปห้ามนายกฯและ รัฐมนตรีเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้สมัครก็ตาม

การตีความของกก ต.บางคนกลายเป็นจำกัดบทบาทและการทำหน้าที่ของนายกฯและรมต.ให้เหลือเท่าทีจำ เป็นหรือกรณีฉุกเฉินเท่านั้นซึ่งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

ความเห็นกกต.เรื่องรปภ.และการใช้รถกันกระสุนของนรม.เป็นทัศนะที่แย่มาก ไม่เข้าใจความสำคัญของผู้ปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯเอาเสียเลย

จะคุ้มครองป้องกัน ความปลอดภัยของผู้เป็นนายกฯแค่ไหนอย่างไรย่อมขึ้นกับหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่หน้าที่กกต.

หากฝ่ายรักษาความ ปลอดภัยเห็นว่าต้องรักษาความปลอดภัยให้นายกฯอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชม.ก็ต้องทำ รวมทั้งเวลาที่นายกฯไปหาเสียงในฐานะผู้สมัครด้วย

รถกันกระสุนก็ต้องให้นายกฯใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ให้ไปหาทหารรับจ้างมาคุ้มกันแล้วไปยืมรถกันกระสุนจากเอกชนมาใช้อย่างที่ทำกันอยู่

ข้อห้ามสำคัญ สำหรับนายกฯและรมต.ก็คือห้ามใช้อำนาจหน้าที่เพื่อให้คุณให้โทษแก่พรรคการ เมืองหรือผู้สมัคร แต่ไม่ควรรวมถึงการไปพูดจาปราศรัย

ผมขอตั้งข้อสงสัย ว่าที่นายกฯไปหารือกับกกต.ครั้งนี้อาจไม่ได้ต้องการเกี่ยวกับการทำหน้าที่ ของนายกฯและรมต.เองมากนัก แต่อาจปูทางไปสู่เรื่องอื่น

นั่นก็คือระเบียบ หยุมหยิมเกี่ยวกับพรรคการเมืองและผู้สมัครที่จะตามมาอีกมากมาย ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การให้ใบเหลืองใบแดงและการยุบพรรคโดยง่าย

มีหลายเรื่องที่ ผู้สมัครถูกกกต.ห้ามซึ่งไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย ทั้งยังเป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างร้ายแรงและทำให้ผู้สมัครที่ต้องการสื่อสาร กับปชช.เสียเปรียบหรือมองอีกแง่ก็คือส่งเสริมให้พวกซื้อเสียงได้เปรียบนั่น เอง

ระเบียบของกก ต.กลายเป็นจำกัดการพูดปราศรัยและการสื่อสารที่ผู้สมัครจะเสนอความคิดเห็น หรือนโยบายต่อประชาชน เท่ากับทำลายความหมายของการเลือกตั้ง

สมัยก่อนผมและ นักการเมืองอีกหลายๆคนเคยอาศัยเวทีงานสังคมพูดปราศรัยต่อประชาชน เป็นช่องทางที่ไว้สู้กับพวกซื้อเสียง เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้กันเลย

ห้ามผู้สมัครส่ง หรีดไปงานศพ ห้ามช่วยงาน ห้ามขึ้นเวที เป็นระเบียบที่เลอะเทอะ ล้าสมัยทั้งนั้น แต่เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเหตุให้คนได้ใบแดง

เวลาจำกัด ฝากประเด็นทิ้งท้ายไว้เรื่องหนึ่งคือกกต.ยังมีมติห้ามพวกที่อยู่ระหว่างถูก เพิกถอนสิทธิ์ขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคและผู้สมัครและเรื่องอื่นๆ

การที่กกต.ห้ามผู้ ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ในหลายๆเรื่องเป็นการห้ามเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน(ชั้น 2)อย่างชัดเจน

ผมไม่เคยยอมรับการ ห้ามของกกต.ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ เพียงแต่ที่ไม่ทำเช่นไม่ปราศรัยบนเวทีพรรคหรือผู้สมัครเพราะพรรคและผู้สมัคร เขากลัวใบแดง

การที่กกต.ห้ามคน แสดงความคิดเห็นโดยไม่มีกฎหมายรองรับ เป็นสิ่งที่แสดงว่ากกต.ไม่เข้าใจเรื่องเสรีภาพซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ ประชาธิปไตย

หลักการง่ายๆที่ ควรใช้สำหรับการเลือกตั้งก็คือต้องส่งเสริมให้ทุกฝ่ายทุกคนทั้งผู้สมัครและ ปชช.มีเสรีภาพที่จะเสนอความเห็นของตนให้มากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา