โดย จาตุรนต์ ฉายแสง
เห็นประเด็นหารือ ระหว่างนายกฯกับกกต.จากหน้าหนังสือพิมพ์แล้วทำให้รู้สึกวังเวงทีเดียว แสดงให้เห็นปัญหาความไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างของกกต.ขณะเดียวกันนายกฯ ก็อาศัยโอกาสหาเสียงด้วยการแสดงความตั้งใจร่วมมือแต่ปัญหาต่อไปก็คือฝ่าย อื่นๆจะต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวดกว่านายกฯและครม.แน่นายกฯและรมต.ยังต้อง ปฏิบัติห้าที่ต่อไปโดยมีข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญไว้อยู่แล้วว่าระหว่างปฏิบัติ หน้าที่ทำอะไรไม่ได้บ้าง ดังนั้นกกต.จึงไม่ควรไปออกระเบียบหรือกำหนดหลักเกณฑ์อะไรไปห้ามนายกฯและ รัฐมนตรีเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้สมัครก็ตาม
การตีความของกก ต.บางคนกลายเป็นจำกัดบทบาทและการทำหน้าที่ของนายกฯและรมต.ให้เหลือเท่าทีจำ เป็นหรือกรณีฉุกเฉินเท่านั้นซึ่งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
ความเห็นกกต.เรื่องรปภ.และการใช้รถกันกระสุนของนรม.เป็นทัศนะที่แย่มาก ไม่เข้าใจความสำคัญของผู้ปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯเอาเสียเลย
จะคุ้มครองป้องกัน ความปลอดภัยของผู้เป็นนายกฯแค่ไหนอย่างไรย่อมขึ้นกับหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่หน้าที่กกต.
หากฝ่ายรักษาความ ปลอดภัยเห็นว่าต้องรักษาความปลอดภัยให้นายกฯอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชม.ก็ต้องทำ รวมทั้งเวลาที่นายกฯไปหาเสียงในฐานะผู้สมัครด้วย
รถกันกระสุนก็ต้องให้นายกฯใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ให้ไปหาทหารรับจ้างมาคุ้มกันแล้วไปยืมรถกันกระสุนจากเอกชนมาใช้อย่างที่ทำกันอยู่
ข้อห้ามสำคัญ สำหรับนายกฯและรมต.ก็คือห้ามใช้อำนาจหน้าที่เพื่อให้คุณให้โทษแก่พรรคการ เมืองหรือผู้สมัคร แต่ไม่ควรรวมถึงการไปพูดจาปราศรัย
ผมขอตั้งข้อสงสัย ว่าที่นายกฯไปหารือกับกกต.ครั้งนี้อาจไม่ได้ต้องการเกี่ยวกับการทำหน้าที่ ของนายกฯและรมต.เองมากนัก แต่อาจปูทางไปสู่เรื่องอื่น
นั่นก็คือระเบียบ หยุมหยิมเกี่ยวกับพรรคการเมืองและผู้สมัครที่จะตามมาอีกมากมาย ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การให้ใบเหลืองใบแดงและการยุบพรรคโดยง่าย
มีหลายเรื่องที่ ผู้สมัครถูกกกต.ห้ามซึ่งไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย ทั้งยังเป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างร้ายแรงและทำให้ผู้สมัครที่ต้องการสื่อสาร กับปชช.เสียเปรียบหรือมองอีกแง่ก็คือส่งเสริมให้พวกซื้อเสียงได้เปรียบนั่น เอง
ระเบียบของกก ต.กลายเป็นจำกัดการพูดปราศรัยและการสื่อสารที่ผู้สมัครจะเสนอความคิดเห็น หรือนโยบายต่อประชาชน เท่ากับทำลายความหมายของการเลือกตั้ง
สมัยก่อนผมและ นักการเมืองอีกหลายๆคนเคยอาศัยเวทีงานสังคมพูดปราศรัยต่อประชาชน เป็นช่องทางที่ไว้สู้กับพวกซื้อเสียง เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้กันเลย
ห้ามผู้สมัครส่ง หรีดไปงานศพ ห้ามช่วยงาน ห้ามขึ้นเวที เป็นระเบียบที่เลอะเทอะ ล้าสมัยทั้งนั้น แต่เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเหตุให้คนได้ใบแดง
เวลาจำกัด ฝากประเด็นทิ้งท้ายไว้เรื่องหนึ่งคือกกต.ยังมีมติห้ามพวกที่อยู่ระหว่างถูก เพิกถอนสิทธิ์ขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคและผู้สมัครและเรื่องอื่นๆ
การที่กกต.ห้ามผู้ ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ในหลายๆเรื่องเป็นการห้ามเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน(ชั้น 2)อย่างชัดเจน
ผมไม่เคยยอมรับการ ห้ามของกกต.ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ เพียงแต่ที่ไม่ทำเช่นไม่ปราศรัยบนเวทีพรรคหรือผู้สมัครเพราะพรรคและผู้สมัคร เขากลัวใบแดง
การที่กกต.ห้ามคน แสดงความคิดเห็นโดยไม่มีกฎหมายรองรับ เป็นสิ่งที่แสดงว่ากกต.ไม่เข้าใจเรื่องเสรีภาพซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ ประชาธิปไตย
หลักการง่ายๆที่ ควรใช้สำหรับการเลือกตั้งก็คือต้องส่งเสริมให้ทุกฝ่ายทุกคนทั้งผู้สมัครและ ปชช.มีเสรีภาพที่จะเสนอความเห็นของตนให้มากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา