เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การเลือกตั้ง คือการปฏิรูปการเมือง

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

การเลือกตั้งในประเทศไทยที่กำลังจะมาถึงนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศไทย แต่การเลือกตั้งจะไม่นำมาซึ่งความสมานฉันท์ระหว่างกลุ่มต่างๆ ฉะนั้นจึงไม่เป็นหลักประกันว่าจะนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อย และไม่มีการเลือกตั้งที่ไหนในโลกที่จะนำมาซึ่งความสุจริตของผู้บริหาร หรือนำมาซึ่งการปฏิรูปการเมือง (เพราะการปฏิรูปเป็นกระบวนการทางสังคม ไม่ใช่เรื่องที่นักปราชญ์จะมานั่งประชุมกันแล้วกำหนดให้คนอื่นปฏิรูปการ เมือง)

แต่การเลือกตั้งมีความสำคัญต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงนี้อย่างยิ่ง

เพราะการเลือกตั้งจะนำมาซึ่ง "สิทธิธรรม" และ "อาญาสิทธิ์" ขอประทานโทษที่ต้องขยายความเป็นภาษาอังกฤษว่า legitimacy และ authority อันเป็นสองอย่างที่ถูกทำให้คลอนคลายไปในเมืองไทย นับตั้งแต่ช่วงก่อนรัฐประหาร 2549 และมลายหายสูญไปโดยสิ้นเชิงโดยรัฐประหารครั้งนั้น

สิทธิธรรม ไม่ใช่ความถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นความเห็นชอบของผู้คนว่าอำนาจที่มีและใช้อยู่นั้น เป็นอำนาจที่ต้องยอมรับ แม้จะเห็นว่าได้ใช้อำนาจนั้นไปในทางที่ผิด แต่ก็ยังยอมรับอำนาจนั้น คนที่เห็นว่าใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ย่อมหาหนทางที่ชอบธรรมต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้มีอำนาจใช้อำนาจไปในทางที่ผิด หากคนกลุ่มนี้ประสบความสำเร็จ คือมีคนเชื่อถือหรือเห็นด้วยมากๆ สิทธิธรรมของผู้ปกครองซึ่งแม้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เริ่มสั่นคลอน เพราะผู้คนไม่ได้เห็นว่าใช้อำนาจไปในทางที่ผิดอย่างเดียว แต่เริ่มเห็นว่าอำนาจที่มีอยู่ก็ไม่น่ายอมรับด้วย

ผู้ที่ต่อต้าน ทักษิณ ในปลายสมัยพรรค ทรท. ประสบความสำเร็จ ไม่แต่เพียงทำให้คนจำนวนมากเห็นด้วยว่า ทักษิณใช้อำนาจไปในทางที่ผิด แต่ยังทำให้เห็นว่า แม้แต่สิทธิธรรมของทักษิณในฐานะนายกฯ ก็ไม่น่ายอมรับด้วย จึงพากันสนับสนุนการตีความ ม.7 ของรัฐธรรมนูญปี 40 ไปในทางที่จะขจัดทักษิณออกไป

อำนาจที่วางอยู่บนรากฐานของสิทธิธรรม ทำให้เกิดอาญาสิทธิ์ คืออำนาจซึ่งใครๆ ก็ยอมรับ อาจจะออกมาในรูปของกฎหมาย, ประเพณี, ความเคารพนับถือต่อบุคคลหรือสถาบัน, อำนาจดิบ หากผู้คนยอมรับว่าอำนาจดิบเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาทางการเมือง ฯลฯ อาญาสิทธิ์หรืออำนาจอันเป็นที่ยอมรับนั้นเป็นอำนาจใหญ่มาก ไม่ค่อยมีใครกล้าสู้ เพราะเท่ากับสู้กับสังคมทั้งหมด ไม่ใช่สู้กับเจ้าหน้าที่เป็นคนๆ ไป

ทั้งสิทธิธรรมและอาญาสิทธิ์ล้วน ดิ้นได้ทั้งคู่ แต่ไม่ได้ดิ้นด้วยความกะล่อนอย่างเดียวกับที่เราคุ้นเคยกับนักการเมืองนะ ครับ แต่ดิ้นได้ตามความเปลี่ยนแปลงในสังคม สมัยหนึ่ง ตำแหน่งหรือสถาบันใดเคยเห็นว่ามีสิทธิธรรม แต่อีกสมัยหนึ่ง ก็ไม่เห็นว่ามีเสียแล้ว

เมื่อสิทธิธรรมดิ้นได้ อาญาสิทธิ์ก็ดิ้นได้ หลังการรัฐประหาร 2549 มีคนจำนวนมากอย่างเหลือล้นในสังคมไทย ไม่ได้ยอมรับว่ากองทัพมีสิทธิธรรมใดๆ ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาทางการเมือง แม้ว่ากองทัพยังมีอำนาจดิบเท่าเดิม ถ้าผู้นำกองทัพไม่เข้าใจ กลับไปคิดว่าตัวมีอาญาสิทธิ์ที่จะมาก้าวก่ายทางการเมืองมากเท่าไร ก็ยิ่งทำลายกองทัพเองมากขึ้นเท่านั้น ทำลาย ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าใครเขาจะไปยึดเอารถถังกลับคืนมา แต่หมายความว่า แม้แต่การใช้อำนาจอันมีกฎหมายรองรับของกองทัพในเรื่องอื่นๆ เช่น ไปรบกับปัจจามิตร ก็ยังมีคนสงสัยว่ากำลังหาประโยชน์ใส่ตนหรือเปล่า

ถ้า อาญาสิทธิ์ของอะไรก็ตาม ดิ้นหายไปหมด ในที่สุดก็เหลือแต่อำนาจดิบ ไม่มีสังคมใดๆ แม้แต่สังคมของมนุษย์ถ้ำ ที่อาจบริหารจัดการได้ด้วยอำนาจดิบล้วนๆ

ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิด ให้เห็นในเมืองไทยตั้งแต่ช่วง 2549 จนถึงทุกวันนี้ แสดงให้เห็นว่าสิทธิธรรมและอาญาสิทธิ์ในสังคมไทยของทุกกลไกได้มลายหรือหมด พลังลงแล้ว ยากจะสถาปนาสิทธิธรรมให้กลับคืนมาง่ายๆ โดยหันกลับไปใช้อาญาสิทธิ์อย่างเข้มงวดกวดขัน เช่นบังคับใช้กฎหมาย, ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน, ใช้ พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, ปิดเว็บไซต์, ปิดสื่อ, ใช้ ม.112 ฯลฯ ก็ไม่บังเกิดผลแต่อย่างใด เพราะอาญาสิทธิ์ต้องตั้งอยู่บนสิทธิธรรม เมื่อคนจำนวนมากไม่เห็นว่าผู้ใช้อำนาจมีสิทธิธรรม สิ่งที่เคยเชื่อว่าเป็นอาญาสิทธิ์ก็ไม่เป็นอาญาสิทธิ์อีกต่อไป เป็นได้แค่อำนาจเถื่อนที่มีตัวอักษรรองรับไว้ในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น

หน ทางเดียวที่จะนำภาวะปรกติ (ปรกติเฉยๆ นะครับ ไม่ใช่ปรกติสุข) กลับคืนมาสู่สังคมไทยได้ คือ สร้างสิทธิธรรมปฐมภูมิขึ้นก่อน และแม้ไม่มีความหวังใดๆ ให้แก่การเลือกตั้งมากนัก แต่ก็มีฉันทามติค่อนข้างชัดเจนว่า ประเทศไทยต้องจัดให้มีเลือกตั้งใหญ่ การเลือกตั้งจะนำมาซึ่งรัฐบาลซึ่งอาจไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่เป็นรัฐบาลที่มีสิทธิธรรมอย่างชัดเจน เพราะได้รับการสนับสนุนด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้ง

อย่างน้อย สถาบันแรกที่มีสิทธิธรรมอันยากจะปฏิเสธคือ รัฐบาล ได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าหากต้องการจะหลุดพ้นจากสภาวะ "อปรกติ" ที่เผชิญอยู่ ก็เป็นภาระของสังคมไทยที่จะต่อต้านหรือสนับสนุนรัฐบาลใหม่ ด้วยสิทธิเสรีภาพอันมีกฎหมายรองรับต่างๆ สิทธิเสรีภาพเหล่านี้เป็นอาญาสิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตย และต้องทวงกลับคืนมา อย่ายอมให้ถูกทำหมันไปอีก เพราะปราศจากสิทธิเสรีภาพเหล่านี้ สิทธิธรรมของรัฐบาลเองก็จะคลอนคลายลงด้วย

จากจุดเริ่มต้น แห่งสิทธิธรรมเช่นนี้ สังคมมีช่องทางที่จะร่วมกันสถาปนาอาญาสิทธิ์ขึ้นในสังคมไทยใหม่อีกครั้ง หนึ่ง แต่ต้องเตือนว่าสิทธิธรรม และอาญาสิทธิ์ที่จะได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ อาจไม่เหมือนเดิมไปหมดทุกอย่างก็ได้ คงต้องมีการต่อสู้กันโดยครรลองของระบอบประชาธิปไตย อาจจะอย่างเข้มข้นในบางกรณี ระหว่างกลุ่มคน, สถาบัน, องค์กร ที่เคยได้เปรียบในระบอบสิทธิธรรม และอาญาสิทธิ์แบบเดิม กับกลุ่มคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบอบสิทธิธรรม และอาญาสิทธิ์เสียใหม่ แต่ไม่เป็นไร ในที่สุดก็ต้องลงตัวที่จุดใดจุดหนึ่ง แล้วเราก็จะกลับไปสู่ความปรกติได้ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีความขัดแย้งกัน เพียงแต่เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นท่ามกลางการยอมรับสิทธิธรรมและ อาญาสิทธิ์ร่วมกันเท่านั้น

หลังจากเก้าสิบกว่าชีวิต และการบาดเจ็บอีกกว่าสองพัน (หลายรายในนั้นถูกหมายให้ตายแล้ว แต่เพราะยิงไม่แม่น หรือดวงดี หรืออะไรก็แล้วแต่) เราก็ได้มาถึงจุดที่เป็นทางออกของสังคมร่วมกัน นั่นคือการเลือกตั้งใหญ่ ในความมืดมนหลายปีที่ผ่านมา การเลือกตั้งเป็นจุดเริ่มต้นของทางออกในช่วงนี้ ใครก็ตามที่พยายามขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะคิดสั้น, เพราะหวงอำนาจ, เพราะกลัวพวกกูแพ้, เพราะเกลียดมึง, หรือเพราะเหตุใดก็ตาม กำลังทำลายประเทศให้ย่อยยับหนักลงไปอีก

แม้กระนั้น ผมก็ไม่ปฏิเสธว่าพลังที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง หรือบิดเบือนเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งยังมีอยู่ และเครื่องมือสำคัญคือกองทัพ ซึ่งอาจลุกขึ้นยึดอำนาจก่อนการเลือกตั้งด้วยหน้ามืดหรือหลังการเลือกตั้ง ด้วยมืดหน้าก็ได้ บังเอิญได้เห็น บ.ก.ลายจุด ทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารที่หน้าธนาคาร เชิญชวนให้ประชาชนแต่งชุดดำถอนเงินจากธนาคาร หากเกิดรัฐประหารขึ้น

ด้วย ความเคารพต่อท่าน บ.ก.ลายจุด ผมเกรงว่าทำแค่นี้จะเป็นเพียงสัญลักษณ์ เพราะผู้ถือบัญชีธนาคารรายย่อยๆ อย่างพวกเรา ถึงมีมากแต่ถอนมาแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน (แม้มีมูลค่าไม่ถึง 50,000 บาทต่อบัญชีก็ตาม) ผมจึงอยากเรียน เสนอมาตรการเพิ่มเติมในการต่อต้านรัฐประหาร แต่เป็นข้อเสนอที่ปลอดจากการถูกจับหรือติดคุก (ตามรสนิยมส่วนตัวของผม) ด้วยนะครับ

จุดมุ่งหมายคือ ทำให้ความไร้ระเบียบปรากฏอย่างชัดเจนจนกระทั่ง สิ่งที่คณะรัฐประหารพยายามสถาปนาให้เป็นอาญาสิทธิ์กลายเป็นอำนาจดิบอย่าง ชัดเจน ฉะนั้นควรทำเพิ่มเติมดังนี้

1.รัฐประหารวันไหน ก็ขอลาป่วยทันที ลูกก็ลาป่วยด้วย ไม่ต้องไปโรงเรียน คณะรัฐประหารอาจสั่งหยุดงานในวันรุ่งขึ้นเพราะกลัวสับสน ก็ยิ่งดีเพื่อจะได้สามารถทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารได้โดยไม่เสียวันลา

2.คน มีรถยนต์เอารถออกมาในถนน พาลูกเมียไปขับรถเล่น เตรียมข้าวกล่องและน้ำไปด้วย ขับชมกรุงหรือชมเมืองไปเรื่อยๆ เพื่อให้รถติดชนิดจลาจลไปเลย คนไม่มีรถก็ควรขึ้นรถเมล์ บอกกระเป๋าที่มาเก็บเงินว่าไม่มีตังค์จ่าย ขอลงป้ายหน้า แล้วก็ขึ้นคันใหม่ไปเรื่อยๆ หากเบื่อการขับรถหรือขึ้น-ลงรถเมล์ ก็ไปเที่ยวตามแหล่งที่นักท่องเที่ยวชอบไป นับตั้งแต่วัดแจ้ง, พระพรหมเอราวัณ, พารากอน, อะไรก็ได้ ให้มันแน่นขนัดจนแทบเดินไม่ได้

รถก็ยิ่งติดมากขึ้น และสับสนวุ่นวายจนกระทั่ง ธุรกิจของคนที่เฉยๆ กับการรัฐประหารหรือสนับสนุนการรัฐประหารดำเนินไปแทบไม่ได้

3.โทรศัพท์ ร้องเรียนกองอำนวยการของคณะรัฐประหารทุกเรื่อง นับตั้งแต่แขกที่มาขอพักที่บ้านไม่ยอมกลับสักที ไปจนถึงเพื่อนบ้านตดเหม็น หรือถามคำถามโง่ๆ เช่น แล้วจะยังมีการเลือกตั้งอีกไหมเนี่ย, ทหารจะเปลี่ยนเครื่องแบบให้สวยกว่าเก่าไหม ฯลฯ ได้ทั้งนั้น

4.อันนี้ เสี่ยงหน่อยนะครับ แอบติดป้ายประณามการรัฐประหารมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะปลอดภัย ส่งข้อความผ่านลูกโป่งสวรรค์ก็ได้ ส่งเอสเอ็มเอสก็ได้ แต่ต้องทำให้จับผู้ส่งไม่ได้ด้วย กระดานข่าวออนไลน์นั่นก็เหมาะ วางใบปลิวในห้องน้ำ ส่งจดหมายลูกโซ่ ถ้าใจกล้ากว่านี้ ก็เอาป้ายไปแอบแปะไว้ที่ก้นนายทหารที่ถูกรุมล้อมสัมภาษณ์

5.บอยคอต สินค้าเจ้าที่เชียร์รัฐประหาร โดยเฉพาะสินค้าที่ขายได้เพราะความเคยชิน ไม่ใช่เพราะมีคุณภาพดีกว่าคู่แข่ง เช่น บะหมี่สำเร็จรูป หนังสือพิมพ์, โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ อย่าซื้อ, อย่าดู, ใครให้โฆษณาแก่สื่อเหล่านี้ก็ขู่ว่าจะบอยคอตตามไปด้วย

ผม อยากเรียนเสนอ บ.ก.ลายจุดว่า คิดต่อไปเถอะครับ มีอะไรดีๆ ที่ประชาชนธรรมดาก็มีอำนาจดิบที่สามารถต่อต้านการใช้อำนาจดิบของกองทัพได้ เยอะแยะกว่านี้อีก เพื่อแสดงให้เขาเห็นตั้งแต่วันแรกว่า มึงได้ทำให้บ้านเมืองเละเทะอย่างไร เพราะความบ้าอำนาจของมึง

ที่มา : มติชนออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา