เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นโยบายที่พรรคการเมืองไม่พูดถึง

คอลัมน์ : เส้นแบ่งความคิด หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
โดย อาจารย์สุชา จุลเพชร
ที่ปรึกษา สภานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

ต่อหน้าสถานการณ์เลือกตั้งกระชั้นเข้ามา พรรคการเมืองเก่าใหม่ทุกขนาดต่างก็เสนอนโยบายใหม่ๆ ตามความเข้าใจกันเอาเองว่ายุคสมัยนี้การเลือกตั้งต้องสู้กันด้วยนโยบาย มิใช่ใช้เงินกับความนิยมตัวผู้สมัครและชื่อเสียงของพรรคเหมือนในอดีตเสียแล้ว พรรคการเมืองใดมีนโยบายดี มีท่าทีปฏิบัติได้จริง พรรคนั้นจะได้เปรียบ

ความสำคัญของนโยบายพรรคต่อการเลือกตั้งเพิ่งจะเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในปี 2544 ต่อจากนั้นก้าวถึงจุดสูงสุดในปี 2548 พรรคไทยรักไทยเจ้าของนโยบายประชานิยมได้รับชัยชนะอย่างงดงามทั้งสองครั้ง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งไม่เคยเห็นคุณค่าของนโยบายต้องพ่ายแพ้อย่างหมดท่าทั้งสองครั้ง นับจากนั้นเป็นต้นมาทุกพรรคการเมืองเชื่อว่าการมีชีวิตรอดในสนามเลือกตั้งย่อมชี้ขาดด้วยนโยบายพรรค.

แต่ถึงกระนั้นพรรคการเมืองทั้งหลายก็ยังเข้าใจเพียงฉาบฉวย เป็นเพียงความห่วงใยต่ออนาคตของพรรคเท่านั้น มิใช่ตระหนักต่ออนาคตของประชาชน เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองจึงนำนโยบายที่หลากสีฉูดฉาดและบางเบามาหาเสียง ทุกพรรคหลีกเลี่ยงการนำนโยบายแก้ปัญหาถึงรากเหง้าซึ่งกระทบโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมเป็นสัญญาประชาคมในการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะทุกพรรคไม่กล้าหาญพอที่จะต่อสู้กับกำแพงชนชั้นที่ขวางกั้นประชาชนไม่ ให้เข้าถึงอำนาจการเมือง ขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจและเกียรติยศในสังคม

นโยบายประชานิยมขนมขบเคี้ยวจึงเป็นนโยบายที่ทุกพรรคการเมืองนำเสนอแข่งขันในสนามเลือกตั้ง รายละเอียดของนโยบายแต่ละข้อหลากสีเหมือนลูกกวาดลูกอม แตะลิ้นไม่กี่นาทีก็ละลายหมดสิ้น ทำราวกับว่าคนไทยเป็นเด็กเล็กรอชิมขนมจากพรรคการเมืองซึ่งไม่มีเมนูหลัก อาหารหนักท้องสำหรับประชาชนแม้แต่พรรคการเมืองเดียว.

การวาดฝันให้ประชาชนตั้งความหวังจากนโยบายนั้นๆ บางพรรคประกาศเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ใช้วิธีเพิ่มรายได้ง่ายๆด้วยการเพิ่มค่าแรงและขึ้นเงินเดือน ลดรายจ่ายก็ทำได้ในส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคของรัฐ เช่นค่าน้ำค่าไฟค่ารถเมล์เท่านั้น รายจ่ายที่เป็นค่าครองชีพจากการขึ้นราคาสินค้าของกลุ่มทุนอุตสาหกรรมนั้นไม่ เพียงลดไม่ได้ แต่ขึ้นราคาสินค้าไม่หยุดหย่อน เพราะฉะนั้นการเพิ่มรายได้ไม่เคยพอกับรายจ่ายที่วิ่งนำหน้าไปก่อนทุกที นี่คือนโยบายที่กำลังส่งผลด้านลบอยู่ในขณะนี้

พรรคการเมืองเดียวกันนี้ยังได้เพ้อฝันไปถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปเป็นรัฐสวัสดิการ โดยไม่ศึกษาข้อจำกัดและลักษณะจำเพาะของสังคมไทย หากแต่ใช้คำรัฐสวัสดิการเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาว่าใช้นโยบายประชานิยม และถูกตำหนิว่าลอกนโยบายจากพรรคการเมืองอื่น เจตนาเคลือบแฝงเช่นนี้ทำให้นโยบายของพรรคการเมืองดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ.

รวมเข้ากับข้อผิดพลาดซึ่งเชื่อมโยงกันหลายกรณี ยิ่งทำให้พรรคการเมืองนั้นๆเป็นพรรคจับจดเหลวไหลไร้สาระ ดังกรณีจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสียเงินไป 300 ล้านบาท ประชุมสัมมนาสรุปปัญหาของประเทศที่จะต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปจะต้องนำมาเป็นนโยบายของพรรคการเมืองแกนนำรัฐบาล ที่ตั้งคณะปฏิรูปชุดนี้ หากไม่นำข้อเสนอเหล่านั้นมาเป็นนโยบาย ต้องถือว่าพรรคการเมืองนั้นใช้คณะกรรมการและเงินค่าโสหุ้ยต่อลมหายใจให้ รัฐบาลเท่านั้น

เป็นที่เชื่อได้ว่าพรรคการเมืองไม่กล้านำข้อเสนอของคณะปฏิรูปเป็นนโยบายอย่างแน่นอน แค่การปรับโครงสร้างถือครองที่ดินไม่เกิน 50 ไร่ ก็กระทบต่อการถือครองที่ดินตั้งแต่กรรมการบริหารพรรคไปจนถึงหัวคะแนนแต่ละท่านมีที่ดินตั้งแต่ 100 ไร่ไปจนถึงหลายหมื่นไร่ นี่ยังไม่พูดถึงกลุ่มทุนสนับสนุนพรรคซึ่งล้วนแต่เป็นเจ้าที่ดินรายใหญ่ทั้งสิ้น. ข้อเสนอเรื่องลดจำนวนพื้นที่ถือครองจึงอ่อนไหว ไม่มีพรรคการเมืองใดนำข้อเสนอนี้เป็นนโยบายพรรค

ถ้าไม่มีการปรับโครงสร้างการถือครองที่ดินเสียอย่างเดียว นโยบายรัฐสวัสดิการก็ไกลเกินฝัน นโยบายแก้ปัญหาความยากจนก็เป็นไปไม่ได้ คนชนบทส่วนใหญ่ที่ยากจนเป็นเกษตรกรไร้ที่ทำกิน ผู้ใช้แรงงานในเมืองส่วนใหญ่ก็มาจากลูกหลานเกษตรกรที่ยากจน ถ้ารากฐานเศรษฐกิจครอบครัวอ่อนแอ ตัวเกษตรกรเองมีรายได้น้อย ลูกหลานที่ขายแรงงานก็ไม่มีคุณภาพ นโยบายเศรษฐกิจก็วนเวียนแก้ปัญหาให้คนรวยต่อไป.

ความยากจนของคนทั้งประเทศ แก้ไขได้ด้วยนโยบายเกษตรกรมีที่ทำกิน คนทั่วไปมีงานทำ ทุกคนมีรายได้เกินระดับความยากจน แต่การแก้ปัญหาความยากจนจะต้องทำอย่างจำแนกและเป็นขั้นตอน ต้องใช้ระยะเวลาและความอดทน ความสำเร็จอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้น ส่วนนโยบายประชานิยมนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ ใช้เรียกเสียงเฮฮาชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น จะหวังผลจริงจังหาได้ไม่.

อีกนโยบายหนึ่งที่ไม่มีพรรคการเมืองใดพูดถึงนั่นคือความเลื่อมล้ำหลบซ่อน ไม่ใช่ช่องว่างรายได้ระหว่างคนรวยกับคนยากจน หากแต่เป็นช่องว่างของกลุ่มคนที่อ้างเป็นเจ้าของทรัพย์สินสาธารณะกอบโกยเสพ สุขจากมูลทรัพย์นั้น คือรัฐวิสาหกิจนั่นเอง พนักงานรัฐวิสาหกิจระดับคนขับรถ เงินเดือน 5 หมื่นบาทขึ้นไป สูงกว่าเงินเดือนนายอำเภอเสียอีก ไม่ต้องพุดถึงเงินเดือนของช่างเทคนิคระดับเล็กๆ กินเงินเดือนเกือบแสนบาท ดังนั้นนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจจึงเป็นนโยบายเร่งด่วน กระจายทรัพย์สินของชาติไปให้เอกชนรับผิดชอบ นำเงินจากการขายรัฐวิสาหกิจเหล่านั้นเป็นเงินรัฐใช้เป็นประโยชน์สำหรับคน ทั้งชาติเสียดีกว่า.

บางพรรคการเมืองเสนอนโยบายสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง เสนอสร้างรถไฟความเร็วสูงวิ่งระหว่างเมืองหลักในภาคต่างๆกับกรุงเทพฯ ฟังดูแล้วเหมือนกับพรรคเหล่านั้นสายตายาวไกล สร้างความเจริญก้าวหน้าล้ำสมัย แต่ถ้าคำนึงถึงข้อจำกัดของประเทศไทยเวลานี้ ลำพังใช้กระแสไฟฟ้ายังต้องซื้อจากลาว รถไฟความเร็วสูงต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล รถไฟฟ้าหลายสิบสายก็ต้องใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น ดังนั้นในประเทศที่การขนส่งมวลชนใช้รถไฟฟ้ามากจะต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จึงจะพอเพียงและมีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น ถ้าหากไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ไม่ต้องพูดถึงรถไฟความเร็วสูง วันนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นปีศาจร้ายที่หลอกหลอนคนทั่วโลก ไม่ต้องพูดถึงการสร้างโรงไฟฟ้าชนิดนี้ในประเทศไทย

ยังมีนโยบายประชานิยมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเสนอโดยพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ล้วนแต่มีจุดอ่อนให้วิจารณ์ทั้งนั้น ก็เพราะหนีนโยบายกระทบรากฐานและโครงสร้างของประเทศมิใช่หรือ จึงเทกระจาดนโยบายประชานิยมขนมหวานเต็มสนามเลือกตั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา