เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แถลงการณ์ฉบับที่ ๒ กรณี สมยศ พฤกษาเกษมสุข

ถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นเสถาบันกษัตริย์ ฉบับที่ 2

ในระยะ 4-5 ปี มานี้ มีผู้ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาหมิ่นสถาบันกษัตริย์ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 มากกว่า 500 คดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองเดือนหลังสุด แกนนำ นปช. ประชาชนทั่วไป ตลอดจนนักวิชาการ ต่างถูกดำเนินคดีและถูกข่มขู่คุกคามมากมาย เหยื่อรายล่าสุดที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดี คือ คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตแกนนำ นปก.รุ่นที่ 2, แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย, บรรณาธิการหนังสือเรดพาวเวอร์ และอดีตบรรณาธิการหนังสือวอยส์ออฟทักษิน

กลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นองค์กรต้นสังกัดของคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ไม่เพียงแต่เป็นห่วงความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณสมยศและบุคคลที่ต้องตกเป็นเหยื่ออีกมากมายเท่านั้น หากแต่ยังมีความเป็นห่วงผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงกว้างต่อสังคมการเมืองไทยในระยะยาว จึงแถลงความห่วงใยและจุดยืนของกลุ่มมายังพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้

1.เป็นที่น่าสังเกตว่าการดำเนินคดีด้วยกฎหมายมาตรา 112 ในช่วงนี้รวมทั้งกรณีคุณสมยศนั้นเป็นผลมาจากการกดดันของผู้นำเหล่าทัพ(ผบ.ทบ.ออกมาพูดหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่าจะจัดการกับคนที่หมิ่นสถาบัน)และหน่วยทหารหลายหน่วยที่ออกมาแสดงพลังด้วยการ“ตบเท้า” เพื่อเล่นงานผู้ที่มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาลและกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเล่นงานฝ่ายประชาชนเสื้อแดงซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็น “ขบวนการล้มเจ้า” และคุณสมยศก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อใน“แผนผังเครือข่ายล้มเจ้า”ที่ ศอฉ.ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลและกองทัพเผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว

2.มาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพและรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่คือประชาชนเสื้อแดง โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การทำลายขบวนการประชาธิปไตยของประชาชนเสื้อแดงและพรรคการเมืองที่ประชาชนเสื้อแดงให้การสนับสนุนให้สิ้นซาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อหวังผลให้ฝ่ายประชาธิปไตยพ่ายแพ้การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

3.มาตรา 112 ทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ผิดหลักนิติรัฐ ขัดหลักการประชาธิปไตย ไร้มนุษยธรรม ทำลายระบบยุติธรรมอย่างถึงที่สุด ด้วยบทลงโทษที่รุนแรงป่าเถื่อน การไม่ให้ประกันตัวไว้ก่อนก็คือการพิพากษาล่วงหน้า

4.มาตรา 112 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเป็น“อาณาจักรแห่งความกลัวที่เต็มไปด้วยความมืดมนอันหาที่สุดมิได้” ไม่เพียงเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนแต่ยังขัดขวาง“ความเป็นมนุษย์”เพราะทำให้ขาดเสรีภาพ คนที่ปราศจากเสรีภาพเขาย่อมตกอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่ามนุษย์อย่างมิต้องสงสัย

ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์
1.การอ้างสถาบันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะอ้างในนามของความจงรักภักดีหรืออะไรก็ตาม เช่น การรัฐประหาร 19 กันยา การใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชนเสื้อแดงในปี 52 และ53 ที่มีคนตายเกือบ 100 คน บาดเจ็บหลายพันคน ผลสะเทือนของการนำพาสถาบันลงมาเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างพร่ำเพรื่อย่อมนำมาซึ่งความเสื่อมของสถาบันอย่างมิต้องสงสัย พวกเขาเหล่านั้นรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังเอาอนาคตความอยู่รอดปลอดภัยของสถาบันกษัตริย์มาเดิมพันกับประชาชน รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังเร่งเร้าให้เกิดความรุนแรงจนอาจถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำให้ความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์เป็นปฏิปักษ์กับความมั่นคงของประชาชน ขณะที่ประชาชนเสื้อแดงพยายามทำให้ความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์และประชาชนทั้งมวล

-อยากจะถามพวกที่จงรักภักดีไม่ลืมหูลืมตาทั้งหลายว่า ที่พวกคุณทำรัฐประหารด้วยข้ออ้างความจงรักภักดี ปกป้องกษัตริย์(คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) คงไม่ต้องให้บอกว่าหลังการรัฐประหารทำให้ภาพลักษณ์ของกษัตริย์ไทยในสายตาชาวโลกนั้นตกต่ำลงไปเพียงใด การฆ่าประชาชนด้วยข้ออ้างความจงรักภักดีเมื่อปีที่แล้ว 91 ศพ ทำให้กษัตริย์ถูกมองในแง่ลบเพียงใด การดำเนินคดีกับประชาชนด้วยกฎหมาย 112 ห้าร้อยกว่าคดีในเวลาแค่สี่ปีด้วยข้ออ้างความจงรักภักดี ภาพลักษณ์ของกษัตริย์ไทยถูกมองในแง่ลบในสายตาชาวโลกมากมายเพียงใด

2.กองทัพ รัฐบาล ดีเอสไอ ฯลฯ กำลังทำให้ประเด็นมาตรา 112 ขยายตัวไปสู่ระดับสากล และมีความสุ่มเสี่ยงที่ประชาคมโลกอาจจะหันต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยได้ในระยะยาว

-ย้ำผลกระทบกับสถาบันกษัตริย์ ดีเอสไอดึงสถาบันมาขัดแย้งกับประชาชน ดึงต่างชาติมาต่อต้านกษัตริย์ไทย เป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ประชาชนยิ่งโกรธแค้นยิ่งเป็นการสุมไฟสงครามกลางเมือง หายนะ

3.การจะตรวจสอบว่าวิธีการใดเป็นวิธีการที่ถูกต้องในการปกป้องสถาบันกษัตริย์นั้น วิธีการหนึ่งที่จะบอกได้คือ หากวิธีการที่ใช้นำมาซึ่งความนิยมเพิ่มขึ้นของประชาชนอย่างสมเหตุสมผล วิธีการนั้นน่าเชื่อว่ามีแนวโน้มจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง แต่กรณีการใช้มาตรา 112 เล่นงานผู้อื่นนั้น กองทัพ รัฐบาล และดีเอสไอมีความมั่นในแค่ไหนว่าจะทำให้ความนิยมในสถาบันกษัตริย์เพิ่มขึ้นอย่างสมเหตุสมผล

ข้อเรียกร้อง
1.ศาลควรมีคำสั่งให้ประกันตัวคุณสมยศและผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมาตรา 112 ทุกคนทันที เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่

2.ทุกฝ่ายต้องหยุดนำพาสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องการเมืองและทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามโดยทันที เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยให้ทุกฝ่ายมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยแท้จริง

3.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องยุติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายใหม่ จนกว่ากระบวนการถกเถียงสาธารณะตลอดจนกระบวนการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายนี้จะเสร็จสิ้นลง

4.ให้รัฐสภาเป็นเจ้าภาพจัดให้มีกระบวนการถกเถียงอย่างเป็นสาธารณะถึงความจำเป็นเหมาะสมของกฎหมายนี้ ก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขหรือยกเลิกต่อไปตามควรแก่กรณี

-ขอเรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อทั้งหลายออกมาปกป้องเสรีภาพสื่อ คุณสมยศในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ เป็นสื่อมวลชนคนหนึ่ง ควรได้รับการปกป้องตามสมควร ผมอยากเห็นองค์กรวิชาชีพสื่อออกโรงปกป้องเสรีภาพของสื่อเสื้อแดงอย่างแข็งขันเช่นเดียวกับที่เคยปกป้องสื่ออื่นๆโดยเฉพาะสื่อเสื้อเหลือง นี่เป็นโอกาสดีที่องค์กรวิชาชีพสื่อจะได้พิสูจน์ตัวเองว่า “ไม่ได้ปฏิบัติสองมาตรฐาน”ต่อผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ

-ขอเรียกร้องต่อเอ็นจีโอที่ทำงานด้านการปฏิรูปสื่อ องค์กรประชาธิปไตย องค์กรองค์กรสิทธิมนุษยชน ถ้ายังมีมโนธรรมสำนึกเหลืออยู่บ้างก็ให้ออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดเจนในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของคุณสมยศและคนอื่นๆอีกหลายร้อยคนที่โดนเล่นงานด้วยมาตรา 112 อยู่ในขณะนี้

ตอบโต้ประเด็นเหตผลไม่ให้ประกันตัว
-คุณสมยศสู้ทุกคดีเพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ตั้งแต่สมัยทำงานแรงงาน คดีพลเอกสะพรั่ง คดีหมิ่น ปปช อีกสามคดี ทุกคดีสู้หมด บางคดีก็ชนะ บางคดีก็แพ้ ก็ถูกลงโทษกันไปตามกระบวนการ
คุณธาริตให้เหตุผลในการไม่ให้ประกันตัวว่า-ผู้ต้องหาไม่ได้มารายงานตัวตามหมายเรียก 3 ครั้ง -ถูกจับกุมตัวระหว่างที่จะเดินทางออกนอกประเทศ(ก็คือเกรงจะหลบหนี) –เกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

-ส่วนที่บอกว่ามีหมายเรียกสามครั้งนั้น ครั้งแรกนั้นมีไปรษณีย์นำใบนำส่งของไปรษณีย์มาส่งที่บ้านและเซ็นต์รับจริง คุณสมยศตั้งใจจะไปพบเจ้าหน้าที่ตามวันเวลาที่นัดหมาย แต่เกิดป่วยเสียก่อนจึงไม่ได้ไปพบเจ้าหน้าที่ซึ่งมีใบรับรองแพทย์เรียบร้อยทนายยืนยันได้ คุณสมยศจึงรอหมายเรียกอีกครั้งก็ไม่เห็นมีมา คุณสมยศก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งมาเจอหมายจับโดยอ้างว่าออกหมายเรียกสามครั้ง ผมขอถามพี่น้องสื่อมวลชนผ่านไปยังดีเอสไอว่า หมายเรียกอีกสองครั้งนั้นหายไปไหน ออกเมื่อไหร่ ส่งไปให้ใครที่ไหน ใครเซ็นต์รับ มีหลักฐานอะไรหรือไม่ที่แสดงว่าคุณสมยศรับหมายเรียกครั้งที่สองและสามแล้ว ถ้าแสดงหลักฐานไม่ได้ว่าคุณสมยศรับหมายเรียกครั้งที่สองและสามแล้ว ผมจะถือว่าดีเอสไอกลั่นแกล้งคุณสมยศ จึงขอความเป็นธรรมให้คุณสมยศผ่านสื่อมวลชนด้วย

-กรณีไปเขมรเมื่อ 30 เมษาที่ผ่านมา นั้นเพราะไม่รู้ว่ามีหมายจับ ถ้ารู้ก็คงมอบตัวสู้คดีอย่างแน่นอน หลักฐานพาสปอร์ตที่เดินทางออกไปต่างประเทศหลังจากมีหมายจับแล้วก็ยังกลับมาประเทศอีก(พาสปอร์ตเดินทางวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2554 แต่หมายจับออกวันที่ 15 กุมภาพันธ์) แสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาจะหลบหนี แต่ที่ยังไม่ได้ไปมอบตัวเพราะไม่รู้ว่ามีหมายจับ ผมถามจริงๆเถอะ ถามวิญญูชนที่มีความรู้ประวัติศาสตร์ระดับประถมปลายก็ได้ว่า ถ้าคิดจะหนีกันจริงๆ ทำไมต้องหนีผ่านด่านอรัญประเทศ ซึ่งไม่มีทางรอดอยู่แร้ว ไม่ต้องวิญญูชนหรอกครับ ใครๆก็รู้ว่าถ้าจะหนีต้องหนีวิธีอื่น

-ประเด็นยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน คดีของคุณสมยศเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ซึ่งมีความมั่นคงถาวร ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงตัวหนังสือได้ ดีเอสไอจะมาอ้างว่ายุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้อย่างไร เพราะมันไม่ได้เป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ถ้าเกี่ยวกับบุคคลอื่นอาจจะอ้างได้ว่าคุณสมยศอาจจะไปข่มขู่พยาน แต่นี่พยานหลักฐานคือหนังสือที่คุณสมยศเป็นบรรณาธิการ คุณสมยศจะไปข่มขู่หนังสือเหรอครับ เป็นไปได้เหรอคับ คุณสมยศจะไปขู่หนังสือ ประหลาดที่สุดในโลก ข้ออ้างเรื่องยุ่งเหยิงพยานหลักฐานจึงฟังไม่ขึ้นครับ
ขณะที่ศาลให้เหตุผลว่า “-พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง -ตามข้อหาเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรและความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พฤติการณ์แห่งคดีอาญาและลักษณะการกระทำนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะ กระทบกระเทือนต่อจิตใจของประชาชนโดยรวม ประกอบกับ-ผู้ต้องหาถูกจับกุมขณะกำลังจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี หากให้ปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ยกคำร้อง”

-คดีมีอัตตราโทษสูง ผมสงสัยว่าคดีฆ่าคนตาย ยาเสพติด ทำให้ให้ประกันตัวกันอย่างง่ายดาย คดีคุณสมยศใช้หลักทรัพย์เป็นที่ดินราคาประเมินถึงหนึ่งล้านหกแสนบาท มากกว่าคดีอาชญากรรมร้ายแรงเกือบสิบเท่าแต่ก็ไม่ได้ประกันตัว

-คดีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและพระมหากษัตริย์ ลักษณะการกระทำนำความเสื่อมเสียมาสู่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูน กระทบจิตใจประชาชน ตกลงศาลรู้ได้ไงว่าข้อความในหนังสือว๊อยออฟทักษินนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันกษัตริย์ ก็ในเมื่อยังไม่มีการพิสูจน์พยานหลักฐานกันในชั้นศาล ผมอยากตั้งคำถามผ่านสื่อว่า นี่คือการพิพากษาล่วงหน้าหรือไม่ ส่วนข้ออ้างที่บอกว่ากระทบกระเทือนจิตใจประชาชนนั้น มันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อต้องพิสูจน์ให้ปราศจากข้อสงสัยก่อนว่าคุณสมยศผิดจริง ผมถามต่อว่าสมมุติว่าถ้าประชาชนคนธรรมดาเดินดินแบบคุณสมยศไม่ได้รับความยุติธรรมตามที่ควรได้รับ ท่านไม่คิดว่ามันจะเป็นการกระทบจิตใจประชาชนบ้างหรือ

-ประเด็นเรื่องการหลบหนี ผมพูดไปแร้ว จะเพิ่มเติมคือ ศาลสามารถตั้งเงื่อนไขได้ เช่น จำกัดบริเวณ ห้ามออกนอกประเทศ ให้มารายงานตัวทุกอาทิตย์ อะไรทำนองนี้ ฯลฯ

-ประเด็นทางเทคนิค เช่น วิธีการเขียนบทความของคุณจิตร พลจันทร์ คือ การเขียนด้วยการสมมุติเหตุการณ์และตัวละครที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมาเช่นเดียวกับการเขียนนิยาย แต่วิธีการของดีเอสไอในการพิสูจน์เพื่อเอาผิดกับคุณสมยศคือ การนำบทความของคุณจิตรพลจันทร์ไปให้วิญญูชนอ่าน วิญญูชนของดีเอสไอคือ ผู้ที่มีความรู้ประวัติศาสตร์ระดับประถมศึกษาตอนปลาย เมื่อวิญญูชนอ่านแร้วก็สรุปเอาว่าคุณจิตร พลจันทร์ได้เขียนเพื่อกล่าวร้ายพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมเสีย นี่คือที่มาของการดำเนินคดีคุณสมยศ

-ผมยังสงสัยอยู่ว่าถ้าเอามาให้วิญญูชนคนเสื้อแดงอ่านบ้างผมเชื่อเหลือเกินว่าไม่หมิ่น เพราะวิญญูชนคนเสื้อแดงเขาอ่านอย่างคนที่รักประชาธิปไตยจึงไม่หมิ่น มันจึงขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนอ่านและมีวิธีอ่านอย่างไร
ผมว่าผมจะเสนอให้คุณธาริตลาออก แล้วให้แต่งตั้งวิญญูชนที่มีความรู้ประวัติศาสตร์ประถมปลายเป็นอธิบดีดีเอสไอแทนเลยจะดีไหม
สองมาตรฐานในการดำเนินคดีหมิ่นสถาบัน

-นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยืนระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงในงานพิธีรับผ้าผูกคอพระราชทานของลูกเสือชาวบ้าน ที่อำเภอสัตหีบ ชลบุรี เมื่อวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2553

-สนธิลิ้ม เอาคำพูดดา ตอร์ปิโด มาพูดซ้ำ แต่ไม่โดนเล่นงาน

-กรณีวิกิลีกส์ที่เผยแพร่การสนทนาระหว่างทูตสหรัฐประจำประเทศไทยกับพลเอกเปรม พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา นายอานันท์ ปันยารชุน ที่สนทนาถึงเรื่องการสืบสันตติวงศ์ ซึ่งพาดพิงองค์รัชทายาทในทางเสียหาย
ที่ยกมานี้เพียงเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่ามีสองมาตรฐานอยู่จริง แต่ผมไม่ต้องการให้ใครแม้แต่คนเดียวต้องรับโทษเพราะมาตรา 112 ไม่ว่าจะเป็นเปรม อานันท์ สิทธิ สส.ปชป. สนธิลิ้ม เราต้องยืนยันหลักการไว้ว่าทุกคนมีเสรีภาพที่จะแสดงความเห็นได้ ดังนั้นต้องยกเลิกมาตรา 112

จะทำอะไรต่อไป
1.-ทางทีมงานผู้จัดทำและหุ้นส่วนหนังสือเรดพาวเวอร์ยืนยันหนักแน่นฝากผมมาว่า จะทำหนังสือเรดพาวเวอร์ต่อไปไม่ว่าจะมีคุณสมยศหรือไม่ก็ตาม และเล่มต่อไปจะเป็นฉบับพิเศษ คือ เนื้อหาทั้งหมดในเล่มจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมยศทั้งเล่ม ผมเรียกมันเล่นๆว่าเป็น“ฉบับหมิ่นเจ้า” เพราะมันเกี่ยวกับคดีสมยศหมิ่นเจ้า ทีมงานเดิมทุกคนยังอยู่ครบ จะขาดก็แต่คุณสมยศคนเดียว ซึ่งไม่ใช่ปัญหา ทางทีมงานเรดพาวเวอร์ประสบความสำเร็จในการเชิญนักวิชาการจำนวนหนึ่งมาช่วยกันทำเรดพาวเวอร์ต่อไป สรุปคืองานนี้เรดพาวเวอร์แม้ไม่มีคุณสมยศ หนังสือเรดพาวเวอร์ก็จะมีแต่จะพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นไปเพื่อตอบสนองกับการต่อสู้ที่แหลมคมขึ้นทุกวัน นี่คือผลกระทบเล็กๆที่เกิดจากความไม่ยุติธรรม ทำให้นักวิชาการที่เขาไม่เคยมาร่วมต่อสู้เห็นอกเห็นใจพวกเรามากขึ้น

2.-ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย ผมขอยืนยันว่ากลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย จะสู้ต่อไปแม้ไม่มีคุณสมยศก็ตาม ตลอดสี่ปีที่ผ่านมากลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย อะไรที่กลุ่มได้ริเริ่มทำไว้สมัยที่คุณสมยศยังไม่ติดคุก ก็จะสานต่อและจะทำให้ดียิ่งๆขึ้นไปเพื่อบรรลุเป้าหมายคือ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย”(ระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นรัฐาธิปัตย์)โดยแท้จริง แปลว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรา“ประชาชน”ต้องเดินหน้าต่อไป

3.ยืนยันว่าจะรณรงค์ยกเลิก 112 ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชน 1 หมื่นชื่อ เพื่อเสนอกฎหมายยกเลิก 112 (เพิ่มเติมด้วยการให้ทำประชามติ ยกเลิก-ไม่ยกเลิก 112 โดย ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ก็จะไปเสนอรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ริเริ่มให้มีการทำประชามติว่าจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก เพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายลำบากใจไม่ให้ใครต้องถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงต้องโยนปัญหานี้ให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใจร่วมกันว่าจะเอาหรือไม่เอามาตรา 112)

4.เราจะเปลี่ยนสถานะของผู้ถูกกระทำให้กลายเป็นผู้กระทำบ้าง
เราจะเริ่มรณรงค์อย่างจริงจังมากขึ้น ช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำมากขึ้น ที่ผ่านมาขบวนการคนเสื้อแดงโดยรวมยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ดีพอ จากที่เราเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายศัตรูรุกเราด้วยการปิดวิทยุชุมชนเป็นสิบๆสถานี ปิดเวบไซต์ คุกคามและดำเนินคดีด้วยข้อหาหมิ่นเจ้าตามมาตรา 112 ถ้าขบวนการเสื้อแดงยังไม่สามารถช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำได้ ก็ไม่มีวันจะหยุดยั้งการทำลายล้างจากฝ่ายตรงข้ามได้ ส่วนตัวผมยังรู้สึกเสียดายว่าในสถานการณ์แบบนี้น่าจะมีการจัดชุมนุมใหญ่กดดันแบบเดียวกับที่เคยชุมนุมกดดันให้ประกันตัวแกนนำ นปช.

เป็นความชาญฉลาดของเผด็จการที่เลือกจัดการคนเสื้อแดงในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะรู้ว่าการต่อต้านขนาดใหญ่จะทำได้ยาก เพราะแกนนำส่วนใหญ่กำลังจะลงเลือกตั้ง และยิ่งถ้ามีการประกาศยุบสภาการเคลื่อนไหวมวลชนเหมือนที่ผ่านๆมาก็จะยิ่งมีน้อยลง

ในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา ที่เกิดเรื่องคุณสมยศขึ้นมา ต้องยอมรับว่าสร้างความประหลาดใจให้พวกเราพอสมควร พวกเราก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนักเพราะว่าส่วนหนึ่งนั้นเราต้องการเปิดโอกาสให้กระบวนการยุติธรรมได้พิสูจน์ตัวเองก่อนว่ามีความยุติธรรมจริงหรือไม่ สองมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ากระบวนการยุติธรรมไทยไร้ซึ่งความยุติธรรม สองมาตรฐานอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะการไม่ให้ประกันตัว

หลังจากนี้ไปเราจะเริ่มรณรงค์อย่างเอาจริงเอาจังทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายนอกประเทศนั้น เราได้เตรียมการ ได้ติดต่อประสานงานไว้แล้วพอสมควร ซึ่งมีทั้งองค์การระหว่างประเทศ องค์การะดับชาติ และองค์การระดับนานาชาติ องค์กรเพื่อเปิดโปงความไม่ยุติธรรมอย่างที่กล่าวให้ชาวโลกได้รับรู้ ประเด็นมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวพันกับสถานะ บทบาท พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งควรจะเป็นเรื่องภายในประเทศ ต่อไปนี้จะไม่ใช่เรื่องภายในประเทศอีกต่อไป เพราะกองทัพ ดีเอสไอ ได้เปิดประตูเชื้อเชิญให้ประชาคมโลกเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พี่น้องอย่าได้แปลกใจเลยถ้าประเด็นมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานะ บทบาท พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทย จะถูกดึงออกไปสู่เวทีนานาชาติ มาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ไทยจะไม่ใช่ปัญหาที่คนเสื้อแดงต้องแบกรับฝ่ายเดียวอีกต่อไป และเราจะทำเช่นนี้ไปจนกว่าคุณสมยศและคนที่โดนคดี 112 จะได้ประกันตัว

5.ทางทีมงานที่จัดทัวร์ บอกกล่าวมาว่าจะจัดต่อไป แต่รูปแบบอาจจะปรับเปลี่ยนไปบ้าง ที่ผ่านมาการจัดทัวร์ไปกัมพูชา ที่รัฐบาลอำมาตย์ได้ไปก่อสงครามไว้ความสัมพันธ์ของสองประเทศเสื่อมทราม ทางกลุ่มพยายามจะมีส่วนในการฟื้นความสัมพันธ์อันดีของสองประเทศด้วยการจัดกิจกรรมภาคประชาชน ไปมาหาสู่กันฉันท์มิตร เชื่อว่าจะช่วยประสานรอยร้าวระหว่างสองประเทศได้บ้าง ทางทีมงานยืนยันจะจัดต่อไป

6.พวกเราจะจัดเวทีชุมนุมวันที่ 19 พฤษภาคม ครบรอบหนึ่งปีสลายการชุมนุมราชประสงค์ โดยตั้งเวทีที่ลานอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ซึ่งรายละเอียดจะได้แถลงให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่จะทำเร็วๆนี้

7.เร็วๆนี้จะไปยื่นหนังสือต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากมาตรา 112 ซึ่งมีอยู่หลายร้อยคดี ถ้านับรวมผู้เดือดร้อนทั้งหมดของแต่ละคนซึ่งมีครอบครัว ก็จะมีผู้ได้รับผลกระทบหลายพันคน เรื่องนี้ใหญ่มากๆ ถ้าเรื่องใหญ่ขนาดนี้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่ดำเนินการตรวจสอบ ผมก็จะเรียกร้องให้ยุบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสีย

8.เร็วๆนี้จะไปยื่นหนังสือกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยจะเสนอให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 และจะเสนอให้ศึกษา ทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ทั้งหมด เพื่อปกป้องไม่ให้พระมหากษัตริย์ถูกนำมาเกี่ยวข้องกับการเมือง

9.จะไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนและวุฒิสภา ส่วนจะเป็นกรรมาธิการชุดใดนั้นทางทีมงานจะดูความเหมาะสมอีกครั้ง เราต้องการให้ผู้แทนของประชาชนได้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน จะได้หาทางแก้ไขเยียวยากันต่อไป อันที่จริงรัฐสภาจะเป็นหน่วยงานที่เหมาะสมชอบธรรมที่จะริเริ่มให้มีการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กฎหมาย 112 ว่ายังมีความเหมาะสมอยู่หรือไม่ประการใด สมควรคงไว้หรือยกเลิกหรือไม่ประการใด ถ้ารัฐสภาเป็นผู้ริเริ่มได้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรผมเชื่อว่าจะเป็นที่น่าเชื่อถือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา