"ชาญวิทย์ เกษตรศิริ" อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักประวัติศาสตร์อุษาคเนย์แถวหน้าของเมืองไทย เห็นปรากฏการณ์ "อคติ" เรื่องเชื้อชาติ-ดินแดน ต่อ "ความไม่รู้" ในเรื่องพรมแดน-แผนที่ และต่อ "ความพยายาม" ในการปลุกกระแสชาตินิยมขึ้นมา
จึง ขอโอกาสอธิบายข้อมูล-ข้อเท็จจริง ถึงกรณีพิพาทดังกล่าว ในเชิงประวัติศาสตร์ โดยหวังเพียงว่าหากคนไทยได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจเพื่อนบ้านที่มี พรมแดนติดกันกว่า 800 กิโลเมตรมากขึ้น
มีข้อสังเกตอะไรต่อกรณีคนไทย 7 คนถูกจับบ้างครับ
เกม นี้คงยาว เรื่องคงซับซ้อน พูดง่ายๆ คล้ายกับ 7 คนไปให้กัมพูชาจับเป็นตัวประกัน อำนาจต่อรองของรัฐบาลพนมเปญจึงสูงมาก มีไพ่อยู่ในมือ แต่ก็น่าสนใจว่า ตอนนี้ไพ่ชาตินิยมไทย-เสียดินแดน มีคนเล่นอยู่พวกเดียว นายกรัฐมนตรีก็ไม่เล่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่เล่น ทหารก็ไม่เล่น ดังนั้น ถ้าดูไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ว่ากระแสมันไม่ขึ้น จึงต้องไปดูว่าการชุมนุมใหญ่วันที่ 25 มกราคมนี้ กระแสจะขึ้นหรือไม่ เพราะเป็นไพ่ใบเดียวที่เหลืออยู่
ทำไมนายกฯกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่เล่นไพ่ใบนี้
เพราะ การเล่นไม้แข็ง จนไปไกลถึงเกิดสงคราม มันเป็นสิ่งที่โลกปัจจุบันไม่ต้องการ เขาอยากให้มีการเจรจา ดังนั้นกระแสโลกก็ไม่ได้ มันเลยกลายเป็นเกมล้าสมัยมาก ที่เคยได้ผลในระหว่าง ค.ศ.1940-1960 คือสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามถึงสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่สมัยนี้มันไม่ได้แล้ว มันกลายเป็นกระสุนด้าน
ทำไมเกมนี้จึงตกยุคและล้าสมัย
เขา ก็อยู่ในฐานะลำบาก เพราะเป็นไพ่ใบเดียวที่เล่นได้ ไพ่อื่นก็ใช้ไปหมดแล้ว ทั้งไพ่สถาบัน ไพ่คอร์รัปชั่น ตอนนี้มันเหลือแค่ไพ่ชาตินิยม ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียความนิยม เพราะนำมาซึ่งความแตกร้าวสามัคคีในหมู่คนไทย เหมือนอย่างการทุบตีกันที่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเผชิญหน้ากันที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้วไม่นานมานี้
แต่ไพ่ชาตินิยมก็เคยโค่นรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ลงได้
ตอน นั้นเป้าอยู่ที่คุณสมัคร คุณนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป้าตอนนี้กลายเป็นกลุ่มที่เคยร่วมกันมาก่อน การกล่าวหาว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณกษิต ภิรมย์ ขายชาติมันไม่ได้ผล มันกลายเป็นว่าแตกกันโกรธกัน เลยมาโจมตีกัน กลายเป็นปัญหาระหว่างกลุ่ม ไม่ใช่ปัญหาระดับชาติ
ความ จริงปัญหาเรื่องเขตแดนและดินแดนเป็นปัญหาเรื่องเทคนิค ต้องรังวัด ทำพิกัด ต้องมีนายช่างเทคนิค แต่พอทำให้เป็นการเมืองปุ๊บ มันก็พูดกันไม่รู้เรื่อง มันกลับกลายเป็นว่ากัมพูชาถือไพ่เหนือกว่า ถ้าไทยไปทำอะไร เวทีระหว่างประเทศก็จะมองว่าไทยไปรังแกเขา ในแง่บริบทการเมือง ไทยไม่ได้คะแนน
ไพ่ 7 คนไทยจะถูกรัฐบาลกัมพูชานำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
ใช้ ได้เยอะ สมเด็จฯฮุน เซน อยู่ในตำแหน่งนายกฯกัมพูชามานาน เรียนรู้มาตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ยังเป็นนายกฯ ฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ก็รู้จักรัฐมนตรีต่างประเทศไทยมาสัก 20 คนแล้วมั้ง ดังนั้น ความเจนจัดทางการเมืองของเขาจึงสูงมาก เพราะมีความต่อเนื่องมากกว่าเรา
ปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ในทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่ ก่อนคำว่าเขตแดน มันไม่มี ขึ้นอยู่กับศูนย์กลางอาณาจักรว่ามีอำนาจแค่ไหน ถ้ามีมากก็ขยายกว้าง ถ้ามีน้อยก็หด ครั้งหนึ่งกัมพูชาก็เคยกว้างขวางใหญ่โตมาก พอเสื่อมก็หดอย่างที่เห็นปัจจุบัน ในอดีตรัฐแบบโบราณในอุษาคเนย์ไม่มีเขตแดน แต่เมื่อฝรั่งเข้ามาก็กำหนดว่าต้องมี เอาแผนที่ พิกัด การปักปันเขตแดนมา ไทยก็รับมรดกจากสยาม สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสยามกับไทย มีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ส่วนกัมพูชาก็รับมรดกจากฝรั่งเศส เมื่อต่างคนต่างอ้างแผนที่-สนธิสัญญา ซึ่งมาจากสมัยฝรั่ง ถ้ามีปัญหาก็ต้องเจรจา ไม่เจรจาก็ฟ้องศาล เหมือนที่ศาลโลกเคยตัดสินคดีปราสาทพระวิหารว่าเป็นของกัมพูชา ด้วยมติ 9:3 แต่ทั้งกรณี 4.6 ตารางกิโลเมตร และบ้านหนองจาน จะต้องเจรจา ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็อาจให้องค์กรที่ 3 เข้ามา บั้นปลายจริงๆ ถึงจะใช้สงครามตัดสิน ซึ่งต้องเอาให้เด็ดขาดไปถึงกรุงพนมเปญเลย แต่ผมไม่คิดว่าใครจะเอาด้วย เพราะความเสียหายมันมหาศาล ดังนั้น ต้องกลับไปเจรจา และให้คนที่รู้เรื่อง คือกรมแผนที่ทหาร และกรมสนธิสัญญามาเจรจา
ในอดีตไทยมักขัดแย้งกับพม่า แต่ทำไมสมัยใหม่ ไทยถึงขัดแย้งกับกัมพูชาแทน
เพราะ เขมรถูกใช้เป็นเกมในการล้มรัฐบาลสมัคร ทั้งนี้ เกมชาตินิยมมันจะต้องถูกปลูกโดยผู้นำที่เป็นชาติ อย่างน้อยจบปริญญาตรี อยู่ในเมืองหลวง หรือถูกชุบตัวใน กทม.แล้ว ชาวบ้านทั่วไปหรือผู้หญิงปลุกไม่ได้
ทำไมต้องมีคุณสมบัติ 3 อย่างนั้น
มัน ผลิตมาโดยคนพวกนี้ ที่สำคัญมันต้องจินตนาการเยอะ ต้องคิดว่าตัวเองมีเชื้อชาติบริสุทธิ์ อพยพลงมาจากเมืองจีน ชาตินิยมต้องมีผู้นำ อย่างอาเจ็กข้างบ้าน คนขายข้าวเหนียวปิ้ง หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างปากซอย คงไม่สนใจ และนำไม่ขึ้น
ประเมินว่าขบวนการชาตินิยม พ.ศ.นี้จะจบอย่างไร
คงต้องปล่อยให้มันเดินไปถึงที่สุดของมัน ธนูออกจากแล่งไปแล้ว มันก็ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ จนหมดแรง หรือไปชนอะไรสักอย่าง
ที่มา : มติชนรายวัน ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔
"ชาตินิยม" มาจากคำว่า "ฃาติ" หมายถึง การเกิด ตระกูล พวก กลุ่ม ประเทศ ซึ่งต้องประกอบด้วย ดินแดน คน ภาษา และวัฒนธรรม คำว่า"นิยม" หมายถึง ความรัก หลง ยึดมั่น สองคำรวมกันเป็น "ชาตินิยม" หมายถึง ความรัก ความหลง ยึดมั่นในความเป็นชาติ ก็คือ รัก หลงยึดมั่นในดินแดน คน ภาษา และวัฒนธรรม ของตนว่าดี ประเสริฐกว่าของคนอื่น
ตอบลบการกระทำของนายวีระ สมความคิด เป็นชาตินิยมหรือไม่ ก็ต้องมาดูกันว่า บุคคลเหล่านั้นเคยทำอะไรให้แผ่นดินไทยหรือดินแดนไทยเจริญขึ้นอย่างยาวนานหรือไม่ พวกเขาเคยพัฒนาคนไทยให้มีความเจริญขึ้นจนเกิดอุดมการณ์ความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติหรือไม่ พวกเราเคยมีการกระทำที่รักษ์หวงแหนภาษาและวัฒนธรรมไทยหรือไม่ ถ้าประวัติของพวกเขาไม่เคยมีการกระทำดังกล่าว ก็สรุปได้ว่า พวกเขาใช้ "ชาตินิยม" เป็นเพียงเกมส์ขับเคลื่อนการเมืองของ "พรรคการเมืองใหม่" และของพวกเขาเท่านั้น