เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม เลขทะเบียน ๘๖๙ สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า

อุดมการณ์สถานักพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย

เรา...มั่นใจว่า
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา
ประเทศไทย เป็นของเราทุกคน
เรา ต้องร่วมกันสร้างชาติไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ขอไว้อาลัยต่ออการจากไปของ ดร.พีรพันธ์  พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

เมื่อ "หมวกเหล็ก " หนุน "ถอนทหาร"

กับคำถามเมื่อไหร่รัฐจะจัดการแก๊งอิทธิพลเถื่อน

"หมวก เหล็ก" เจ้าของนามปากกาของทหารหาญที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาค ใต้ สะบัดปากกาเขียนบทความชิ้นใหม่ว่าด้วยข้อเสนอให้ "ถอนทหาร" และการจัดการกับกลุ่มอิทธิพลอำนาจมืดที่ฝ่ายความมั่นคงเพิ่งจะยอมรับว่าอยู่ เบื้องหลังสถานการณ์รุนแรงบางส่วนในดินแดนปลายสุดด้ามขวาน

"หากจะกล่าวถึงปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องบอกว่ามันมีมานานแล้วจริงๆ แต่ระยะหลังมีการใช้กำลังทหารจำนวนมากลงไปกดสถานการณ์เอาไว้ แล้วก็ถูกวิจารณ์ว่า ′สร้างเงื่อนไข′ กระทั่งมีหลายคนเสนอให้ถอนกำลังทหารออกมา แล้วให้ใช้กำลังกองร้อยอาสาสมัคร (อาสารักษาดินแดน: อส.) ของกระทรวงมหาดไทย กับกองกำลังประจำถิ่นพวก ชรบ. อรบ. อรม. พรม. (ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน, อาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน, อาสาสมัครรักษาเมือง และเพื่อนราชการอาสาสมัครรักษาเมือง) ปฏิบัติหน้าที่แทน

ประเด็นนี้ผมขอสนับสนุนอย่างเต็มที่และอย่างจริงใจ ในฐานะที่ผมเป็นทหารและเคยปฏิบัติงานในพื้นที่จริง อยากบอกความจริงว่าสถานการณ์ที่ชายแดนใต้นั้นไม่ว่าจะต้องสังเวยชีวิตทหาร ตำรวจอีกกี่ศพ มันก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก เพราะยัง "เกาไม่ถูกที่คัน"

ส่วนคนที่คิดว่าหากทหารถอนออกไปจริงๆ แล้ว...ครูที่ไหนจะกล้าไปสอนหนังสือ พระรูปไหนจะกล้าออกบิณฑบาตล่ะ? คำถามเหล่านี้ผมต้องย้อนกลับไปถามผู้ถามว่าก่อนจะเกิดเหตุการณ์ปล้นปืน 413 กระบอกจากกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 นั้น ทำไมถึงไม่มีเหตุรุนแรงรายวันเกิดขึ้นในพื้นที่เหมือนช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ปัญหาต่างๆ ที่เป็นเงื่อนไขก็มีอยู่ตั้งแต่ในอดีตแล้ว เหตุใดสถานการณ์จึงมาปะทุเอาเมื่อปี 2547

คำตอบก็คือ...มีคนสั่งให้ทำ! หรือพูดให้ดีหน่อยก็คือ...มีคนควบคุมบริหารจัดการให้สถานการณ์รุนแรงลักษณะ นี้เกิดขึ้น และเกิดอย่างต่อเนื่องด้วย

คำถามหลายข้อผุดขึ้นในหัวผมเต็มไปหมดตอนที่ทำงานในพื้นที่ มีคนบอกว่ามีการควบคุมสั่งการจากประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าจริงแล้วเราจะจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างไร ถ้าจับตัวต้นตอไม่ได้ปัญหาก็ไม่วันจบ ฯลฯ

ความคิดสุด ท้ายในหัวก็คือ พวกเรา (ทหาร) จะต้องตายอีกเท่าไหร่เพื่อสนองนโยบายการแก้ไขปัญหาที่ถูกจุดถูกต้องหรือไม่ ก็ไม่รู้ อยากขอพูดแทนทหารชั้นผู้น้อยทุกคนว่า ถึงแม้ทหารจะได้รับการสั่งสอนมาตลอดว่า "นายสั่งให้ไปตายก็ต้องไป" ซึ่งผมระลึกข้อนี้เสมอ แต่อยากจะบอกว่าไม่มีปัญหาหรอกครับถ้าทหารจะต้องไปตายเพื่อชาติ และทหารที่เป็นทหารด้วยจิตวิญญาณก็ยังมีเยอะอยู่ แต่หากจะกรุณาขอให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้โปรดฟังเสียงจากทหารชั้นผู้น้อย บ้างก็น่าจะเข้าที ทหารนั้นไม่ได้กลัวตาย แต่สงสารลูกเมียญาติพี่น้องของทหารที่เสียชีวิตทุกนาย พวกเขาจะอยู่กันอย่างไรเมื่อ "เสาหลัก" ของครอบครัวหักโค่นลงแล้ว การช่วยเหลือของทางราชการครอบคลุมเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตเหมือนตอนที่ "เสาหลัก" ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

เมื่อคิดถึงทางเสียซึ่งมีมากกว่าได้ ประกอบกับผมเชื่อว่าไม่ว่าจะมีทหารหรือไม่มีก็ตามก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ ดีขึ้นมากมายนัก ผมจึงสนับสนุนข้อเสนอให้ "ถอนทหาร" ส่วนใหญ่ออกจากพื้นที่ชายแดนใต้ คงเหลือไว้เฉพาะทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นกำลังพลหลักของพื้นที่นี้อยู่แล้วก็พอ

สิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายสมควรตระหนักก็คือ ปัญหาความรุนแรงและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พัวพันเชื่อมโยงกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองทุกระดับในพื้นที่อย่างแยก ไม่ออก และยังผสมโรงกับปัญหาผู้ทรงอิทธิพล ผู้ค้ายาเสพติดและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายรูปแบบต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากด้วย ดังนั้นการจะแก้ปัญหานี้ให้สำเร็จลุล่วง จะต้องมีรัฐบาลที่กล้าเอากระพรวนไปแขวนขอแมว โดยต้องเริ่มจากการปลดชนวนขัดแย้งทางการเมือง และดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล กวาดล้างธุรกิจเถื่อนทุกรูปแบบให้หมดไป หรือถ้ายังมีก็ต้องให้มีน้อยที่สุด

ไม่อยากจะบอกเลยว่าทั้งนักการเมืองท้องถิ่นและระดับประเทศบางคนใน พื้นที่นั้น ต่อหน้าสื่อก็แสดงท่าทีอย่างหนึ่ง แต่ลับหลังสื่อแล้ว พฤติกรรมของพวกเขากลับหน้ามือเป็นหลังมือ ฉะนั้นถ้าจำกัดบทบาทของคนกลุ่มนี้ได้ รับรองสันติสุขเกิดแน่นอน

ทว่าปัญหาที่มันยืดเยื้อหาทางจบไม่ลง ทั้งๆ ที่เรามีรัฐบาลที่มีพรรคแกนนำเต็มไปด้วย ส.ส.จากภาคใต้นั้น เป็นเพราะท่านกลัวเสียผลประโยชน์ใช่หรือไม่ ท่านก็เลยเอาชาติบ้านเมืองมารับผลกรรมแทน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวกเอาไว้

เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า การจะแก้ปัญหาภาคใต้ให้ได้ตรงประเด็นและเห็นผล จะต้องตัด "ท่อน้ำเลี้ยง" ให้ได้เสียก่อน ซึ่งผมขอสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดย "ท่อน้ำเลี้ยง" ที่ว่าก็คือผู้ทรงอิทธิพลและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายอย่างโจ๋งครึ่มในพื้นที่ นั่นเอง แต่คำถามที่น่าคิดก็คือ "ทำไมรู้แล้วไม่จัดการ?" ทั้งๆ ที่ทำกันเป็นขบวนการใหญ่บึ้ม

การแก้ปัญหา ภาคใต้นั้นหลายคนพูดตรงกันว่า "ไม่มีสูตรสำเร็จ" แต่ผมอยากบอกว่าหากปลดชนวนขัดแย้งทางการเมือง และกวาดล้างอิทธิพลเถื่อนให้สิ้นซากไป รับรองสันติสุขที่ด้ามขวานทองของไทย...ย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

( จาก โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา