มติชน วันที่ 27 กันยายน 2553
จำนวนของผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากเกินคาดของทุกฝ่าย แม้แต่ของผู้จัดการชุมนุมเอง การจราจรถูกปิดไป "โดยปริยาย" โดยไม่มีใครเจตนา แต่เกิดขึ้นจากจำนวนคนที่เข้าร่วมมากเกินคาด
คุณฌอน บุญประคอง ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นโฆษกยืนยันว่า คนจำนวนมากเข้าร่วมการชุมนุมโดยสมัครใจและเกิดขึ้นอย่างไม่ได้วางแผนมาก่อน ทั้งไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ ทั้งทางลับหรือเปิดเผยจากคุณทักษิณ ชินวัตร โดยสิ้นเชิง คุณฌอนประเมินว่าเกือบทั้งหมดของผู้ชุมนุมคือคนชั้นกลางในกรุงเทพฯภาพข่าวใน ทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์ดูจะส่อไปในทางเดียวกับการประเมินของคุณฌอน คำให้การของผู้เข้าร่วมชุมนุมคนอื่นก็ตรงกัน
ทั้งหมดนี้เกิด ขึ้นท่ามกลางการใช้ พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลได้ตัดสินใจมาแต่ต้นแล้วว่า จะปล่อยให้มีการทำกิจกรรมทางการเมืองที่ "ไม่นำไปสู่การจลาจล หรือการละเมิดกฎหมาย" แปลว่า จะใช้อำนาจตามตัวอักษรในพ.ร.บ.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ากิจกรรมทางการเมืองนั้นอยู่ในวิสัยที่ผู้มีอำนาจ "คุม" อยู่หรือไม่ หรือพูดให้ชัดกว่านั้นคือสะเทือนอำนาจของตนเองมากน้อยเพียงไร

รศ.ดร.ฉลอง กล่าวถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยไทยใน 20 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้เกิดจากการตั้งประชาคม แต่เกิดจากการตอบสนองความต้องการของรัฐและผู้มีอำนาจรัฐ จากเดิมที่มหาวิทยาลัยผลิตข้าราชการเพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งของรัฐ แต่ปัจจุบันมุ่งแสวงหาความรู้ใหม่ เน้นการทำวิจัย บีบบังคับให้ตกอยู่ภายใต้วิธีคิดที่คับแคบจากกลุ่มนายทุน ไม่สามารถให้นักวิชาการทำงานในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ เป็นอำนาจ 108 ที่ไม่รู้สึก กลายเป็นความชั่วร้ายเป็นเหตุเป็นผล ที่มุ่งความคุ้มค่ากับการลงทุน ตัวเงิน การใช้ประโยชน์ ที่เป็นตัวคุกคามทางวิชาการ ทำให้นักวิชาการใหม่ๆ ไม่สามารถแสดงความคิดอย่างเต็มที่อีกต่อไป


