พลังคนหนุ่มสาว นักเรียน นักศึกษา ปัญญาชน
ยังคงหลับหรือถูกกระชับพื้นที่
จากประวัติศาสตร์การต่อสู้ของขบวนการภาคประชาชนที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าขบวนการคนหนุ่มสาว เป็นขบวนการที่อยู่คู่กับขบวนการภาคประชาชนมาตลอด ขบวนการคนหนุ่มสาว จะเป็นคนกลุ่มแรกๆในสังคมที่ตื่นตัว และออกมาต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมในสังคม อย่างกรณี 14 ตุลา 2516 ผู้ที่มีบทนำในการโค่นล้มรัฐบาลทหารเผด็จการในยุคนั้น ก็คือขบวนการนักศึกษาที่ไม่พอใจกับโครงสร้างและความคับแคบของสังคมแบบเก่า เกิดคำถามที่น่าคิดว่า เพราะอะไรเล่า คนหนุ่มสาวจึงเป็นพลังกลุ่มแรกๆ ที่ตื่นตัวก่อนใครในสังคม และสามารถรวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่มีพลังเข็มแข็งได้? การศึกษาถึงพฤติกรรม และสถานะของพวกเขาจะช่วยตอบคำถามในข้อนี้.
วัยหนุ่มสาว เป็นวัยที่มีการแสดงออกทางพฤติกรรมได้หลายประการ เช่น ดื้อ ไม่เชื่อฟัง รักความอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบละเมิดกฎเกณฑ์กติกาต่างๆ และเนื่องด้วยสถานะของคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยเรียน พวกเขาจึงไม่มีภาระให้ต้องรับผิดชอบมาก คือ ไม่ต้องกังวลกับการทำงานหาเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของพ่อและแม่ ที่สำคัญคือคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไม่มีบาทแผลจากอดีต ที่ทำให้เขาถ้อแท้ หดหู่ นั้นจึงทำให้คนหนุ่มสาวเป็นวัยที่มีไฟแรงสูง มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ความมุ่งหวังของเขาปรากฏเป็นจริง สิ่งเหล่านี้เองที่บอกเราได้ว่า ทำไมคนหนุ่มสาวจึงมีพลัง และมักจะเป็นคนกลุ่มแรกๆในสังคมที่ตื่นตัวก่อนใคร(โดยเฉพาะช่วงที่กระแสขึ้นสูง)
ขบวนการคนหนุ่มสาว เป็นขบวนการภาคประชาชนที่มีบทบาทและมีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในยุค 60’s ที่เกิดกรณี คลื่นปฏิวัติ 1968 / 2511 มีความสำคัญเพราะเป็นการกบฏของคนชนชั้นล่างและคนหนุ่มสาว ทั้งในโลกตะวันตกกับโลกคอมมิวนิสต์พร้อมกัน จนนำไปสู่การต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศ สิทธิทำแท้งเสรี สิทธิคนรักเพศเดียวกัน สิทธิในการแต่งกายและการมีเพศสัมพันธ์ของเยาวชน นอกจากนี้ยังมีประเด็นการต่อสู้ เพื่อยุติการเหยียดสีผิวหรือชาติพันธ์ การต่อสู้กับเผด็จการทหารในรัฐสมัยใหม่ การต่อสู้กับลัทธิจักรวรรดินิยม การต่อสู้กับระบบอาวุโส ที่ผู้ใหญ่ควบคุมค่านิยมและกติกาของสังคม ในยุคนี้เป็นยุคที่คนหนุ่มสาวทั่วโลกมีความตื่นตัวสูง พวกเขาออกมาเรียกร้องใฝ่หาสันติภาพ แสวงหาความหมายใหม่ของสังคม ไม่ว่าจะเป็นแบบ เสรีนิยม สังคมนิยม อนาธิปัตย์นิยม หรือสุขนิยม ถึงแม้พวกเขาจะมีความคิดที่แตกต่างหลากหลาย แต่พวกเขาก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการโลกที่ไร้สงครามและโลกที่มีแต่ความสงบสุข
เหตุการณ์สำคัญๆในช่วง คลื่นปฏิวัติ 1968
- ในประเทศญี่ปุ่น นักศึกษาจำนวนแสนคนได้ออกมาประท้วงทั่วประเทศเป็นเวลาหลายเดือน เนื่องจากพวกเขาไม่พอใจกับความคับแคบและระบบอาวุโสในสังคมญี่ปุ่น ในกรณีเดียวกันนี้เองก็ได้มีนักศึกษาแพทย์ ออกเรียกร้อง ให้พวกเขามีสิทธิ์ในการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยตัวเอง ส่วนในมหาวิทยาลัย Berkeley ที่สหรัฐอเมริกา ก็มีนักศึกษาเสนอหลักสูตรใหม่ที่ไม่มีการสอบ โดยให้เหตุผลว่า “อยากเรียนเพื่อรู้ ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบ”
- ในฝรั่งเศส นักศึกษาได้ออกมาการต่อสู้กับกฎระเบียบและความคับแคบในสถาบันการศึกษา เหตุการณ์ในครั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ใช้กำลังตำรวจเข้าปราบปรามนักศึกษาอย่างรุนแรง เมื่อนักสหภาพแรงงานทราบข่าวความรุนแรง จึงได้มีการประกาศนัดหยุดงานทั่วประเทศจำนวน 9 ล้านคน และมีการยึดโรงงานในเดือนพฤษภาคม 1968 ช่วงแรกของเหตุการณ์นี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้หลบหนีออกนอกประเทศไป ผู้ที่กอบกู้สถานการณ์ให้รัฐบาลฝรั่งเศสไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส “ที่ทำตัวไม่เหมือนตัวแทนผลประโยชน์ของชนชั้นกรรมาชีพสักเท่าไร” พวกเขากลับเกลี้ยกล่อมให้กรรมกรกลับไปทำงาน ซึ่งเป็นการทำลายกระบวนการปฏิวัติทางการเมือง และแนวร่วมระหว่างนักศึกษากับกรรมกร นอกจากที่กล่าวมานี้ ยังมีเหตุการณ์อีกมากทั่วมุมโลกที่เกิดขึ้นในช่วงคลื่นปฏิวัติ 1968 อย่างกรณี 14 ตุลา 2516 ก็ได้รับกระแสดังกล่าวนี้ จนอาจกล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีคลื่นกระแสปฏิวัติ 1968 ก็ไม่มี 14 ตุลา
อะไรเล่าเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิด คลื่นปฏิวัติ 1968
1.เนื่องจากเศรษฐกิจในยุคนั้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ชนชั้นกลางในเมืองและสถาบันการศึกษามีการขยายตัว ส่งผลให้ขบวนการคนหนุ่มสาว นักเรียน นักศึกษาเติบโตขึ้น บวกกับสถานการณ์ในยุคนั้น ที่ผู้ใหญ่ (ชนชั้นปกครอง) เป็นผู้ควบคุมค่านิยมและกติกาของสังคม จึงเป็นผลให้คนรุ่นใหม่ไม่พอใจต่อการควบคุมและความคับแคบของสังคมแบบเดิม ส่วนขบวนการกรรมกรในยุคนั้น ก็มีการเคลื่อนไหวกันอย่างกว้างขวางทั้งในไทยและต่างประเทศ
2.ประชาชนและคนหนุ่มสาวทั่วโลก ได้ออกมาต่อต้านสงครามเวียดนาม เนื่องจากไม่พอใจในความโหดร้ายป่าเถื่อนของสหรัฐอเมริกา
3.ผลจากสงครามเวียดนาม และการแข่งขันผลิตอาวุธในช่วงสงครามเย็น ได้ทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐ จนนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน จนนำไปสู่การตื่นตัวต่อสู้ของคนหนุ่มสาวและประชาชนทั่วโลก
พัฒนาการขบวนการนักศึกษาไทย
สำหรับขบวนการคนหนุ่มสาว หรือขบวนการนักศึกษาในประเทศไทย เริ่มคลอดมาตั่งแต่หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 คือหลังการก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองซึ่งจุดนี้เอง เป็นจุดเริ่มสำคัญที่ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของขบวนการคนหนุ่มสาวในสังคมไทยอย่างรวดเร็ว ลักษณะการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาในยุคแรก จะเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวก่อนและขยายไปสู่เรื่องทางสังคมมากขึ้น (ขยายจากเรื่องปากท้องสู่เรื่องการเมือง)
ขบวนการนักศึกษาได้เริ่มพัฒนาขึ้นพร้อมๆกับ ขบวนการสังคมนิยมในไทย โดยเฉพาะตั้งแต่หลังจาก พ.ศ. 2490 เป็นต้นมา (สรุปเหตุการณ์สำคัญๆ ดังนี้)
1. พ.ศ. 2494 หลังเหตุการณ์ กบฎแมนฮัตตัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง (มธก.) ถูกทหารบกบุกยึดโดยอ้างว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และต้องการให้นักศึกษาไปหาที่เรียนใหม่ ส่งผลให้นักศึกษา มธก. เดินขบวนประท้วงและสามารถบุกยึดคืนได้สำเร็จ
2. พ.ศ. 2495 นักศึกษา มธก. และจุฬาฯ มีบทบาทในการลงนามเรียกร้องให้มีสันติภาพ แต่กลับถูกรัฐบาลจับกุม และลบรายชื่อออกจากการเป็นนักศึกษา 5 คน ในข้อหา "กบฎสันติภาพ"
3. พ.ศ. 2500 นักศึกษาจากหลายสถาบัน เช่น ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เกษตรศาสตร์ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 ต่อมาได้มีการเดินขบวนประท้วง โจมตีรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ฐานที่ทำให้การเลือกตั้งสกปรก จนเป็นเงื่อนไขให้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ฉวยโอกาสทำรัฐประหารโค่นจอมพล ป. ในวันที่ 15 ก.ย.
เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นสู่อำนาจโดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก กลุ่มอนุรักษ์นิยม ประเทศไทยก็ได้เข้าสู่ยุคป่าเถื่อนเผด็จการอย่างเต็มรูปแบบ มีการปราบปรามขบวนการนักศึกษาและประชาชน จนเป็นเหตุให้ขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนซบเซาลง ต่อมาเมื่อเกิดกระแสคลื่นปฏิวัติ 1968 จนถึงสมัย 14 ตุลา ขบวนการคนหนุ่มสาว และขบวนการภาคประชาชนจึงฟื้นตัวกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ขบวนการคนหนุ่มสาว พัฒนาขึ้นสู่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ประชาธิปไตย เป็นจิตวิญญาณของเรา